นางสาวจารุวรรณ จันทิมาพงษ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ (ด้านเหรียญกษาปณ์) เปิดเผยว่า ปัจจุบันในระบบเศรษฐกิจหรือตามท้องตลาดที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า จะมีการหมุนเวียนใช้จ่ายเหรียญกษาปณ์ทั้งรุ่นเดิมและรุ่นใหม่ควบคู่กันไป โดยไม่มีการเรียกเก็บเหรียญรุ่นเดิมคืน มีทั้งหมด 6 ชนิดราคา ได้แก่ เหรียญ 25 สตางค์ 50 สตางค์ 1 บาท 2 บาท 5 บาท และ 10 บาท ขณะนี้มีเหรียญที่ใช้จ่ายหมุนเวียนในท้องตลาดทุกชนิดราคาทั้งหมดมากกว่า 23,000 ล้านเหรียญ ซึ่งเหรียญเกือบทุกชนิดราคามีการจ่ายแลกสูงกว่าแผนที่ตั้งเป้าไว้ โดยเหรียญ 10 บาทมีการจ่ายแลกมากที่สุดประมาณ 39 % รองลงมาเป็นเหรียญ 5 บาท 34 % และเหรียญ 1 บาท 27 % โดยเฉพาะเหรียญ 10 บาท และเหรียญ 5 บาท ประชาชนในต่างจังหวัดมีความต้องการและจ่ายแลกสูงกว่าแผนที่ตั้งไว้ถึง 75%
จากการรายงานผลจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนประจำปีงบประมาณ 2554 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 ถึงปัจจุบัน เหรียญที่ได้รับความนิยมใช้มากที่สุดคือเหรียญ 1 บาท เฉลี่ยต่อเดือน 69 ล้านเหรียญ หรือราว 2.3 ล้านเหรียญต่อวัน รองลงมาเหรียญ 5 บาท ต่อเดือน 20 ล้านเหรียญ หรือราว 6 แสนเหรียญต่อวัน เหรียญ 2 บาท 18 ล้านเหรียญต่อเดือน เหรียญ 25 สตางค์ 16 ล้านเหรียญต่อเดือน เหรียญ 50 สตางค์ 10 ล้านเหรียญต่อเดือน และเหรียญ 10 บาท 6 ล้านเหรียญต่อเดือน โดยเฉลี่ยรวมเหรียญทุกชนิดราคาที่มีการจ่ายแลกทั้งประเทศ 139 ล้านเหรียญต่อเดือน หรือราว 5 ล้านเหรียญต่อวัน
รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวต่ออีกว่า ล่าสุดบริษัทผู้ประกอบการที่ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนในการมาแลกเหรียญกับกรมธนารักษ์ เพื่อนำไปกระจายต่อสาขาต่างๆ แจ้งความต้องการแลกเหรียญเพิ่มขึ้นเกือบทุกชนิดราคา ดังนั้น เพื่อบริหารจัดการให้เพียงพอแก่ลูกค้าทุกกลุ่ม จึงจำเป็นต้องปรับแผนการผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนทุกชนิดราคาเพิ่มจากเดิม ซึ่งขณะนี้ได้ผลิตไปแล้วรวมทุกชนิดราคามีกว่า 720 ล้านเหรียญ พร้อมที่จะให้ผู้ประกอบการ ห้างร้าน ธนาคาร และประชาชนจ่ายแลกได้ทุกเวลา ยืนยันเหรียญไม่มีขาดแคลนและเพียงพอกับความต้องการ