นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี พลัส พี จำกัด (มหาชน)(PLUS) เปิดเผยว่าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2554 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ได้มีมติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทจากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท ทำให้ทุนจดทะเบียน จำนวน 1,010,114,673บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 1,010,114,673หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 บาท เปลี่ยนเป็นทุนจดทะเบียน 1,010,114,673 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 2,020,229,346 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท โดยการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ในครั้งนี้ จะทำให้จำนวนหุ้นหมุนเวียนในกระดานมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมาจำนวนหุ้นหมุนเวียนในกระดานของ PLUS มีจำนวนไม่มากนัก จึงทำให้การซื้อขายหุ้นในกระดานไม่คล่องตัวเท่าที่ควร
“เชื่อว่าหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ใหม่จะทำให้การซื้อขายหุ้นในกระดานความคึกคักตามสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น จากจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเท่าตัว และราคาที่จะปรับลดลงมา จะทำให้หุ้นของเราซื้อง่ายขายคล่องขึ้นอีกทั้งใช้เงินจำนวนไม่มากก็สามารถซื้อหุ้นของ PLUS ได้ และหวังว่าการแตกพาร์ในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หุ้น PLUS ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต เพราะนอกจากหุ้นจะซื้อง่ายขายคล่องแล้ว ในส่วนของผลประกอบการของ PLUS ก็มีทิศทางที่ดีขึ้นด้วย ก็น่าจะเป็นจุดที่สร้างความสนใจให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี"
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของ PLUS ในปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยจะเริ่มเห็นภาพการเติบโตที่เด่นชัดตั้งแต่ไตรมาส 2/54 เป็นต้นไป ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการทำคำเสนอซื้อหุ้น บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก หรือ EPCO ในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่ง EPCO เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยผลประกอบการของ EPCO ที่ผ่านมามีกำไรสุทธิต่อเนื่องทุกปีและจ่ายเงินปันผลทุกปีซึ่งมีอัตราผลตอบแทนในระดับสูง ดังนั้นในอนาคตจะเป็นหนึ่งในแกนหลักสำคัญในการผลักดันผลประกอบการของ PLUS ให้มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องทุกปี
นางชวนพิศกล่าวต่อในช่วงท้ายถึงการเข้าลงทุนใน EPCO ว่าเป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีฐานะมั่นคง มีผลประกอบการที่ดีและมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดย PLUS มีเป้าหมายจะเน้นการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสื่อโฆษณา และเป็นธุรกิจหลักของ AQUA ซึ่งเป็นบริษัทย่อย รวมทั้งเป็นรายได้หลักของ PLUS โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้ PLUS เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณา และสิ่งพิมพ์ที่ครบวงจร
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีใบสำคัญแสดงสิทธิ PLUS-W2 ที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นสามัญรวม 336,693,312 หน่วย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นและมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ0.50 บาท แล้วจะส่งผลให้จำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิเพิ่มขึ้นเป็น 673,386,624 หน่วยและราคาใช้สิทธิจะเปลี่ยนจากหุ้นละ 1.50 บาท เป็นหุ้นละ 0.75 บาท โดยที่อัตราการใช้สิทธิยังคง 1หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญ เช่นเดิม