นายเจริญ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน)หรือ TPOLY เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาก่อสร้าง เพิ่มขึ้นอีก 1 โครงการ เป็น โครงการก่อสร้างอาคารอำนวยการผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุฉุกเฉิน 7 ชั้น โรงพยาบาลพัทลุง มูลค่า 408,380,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาก่อสร้าง 1,000 วัน และยังมีงานที่ชนะการประมูลแต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา อีกจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 315 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ 3,800 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าภาคราชการสัดส่วนร้อยละ 45 และกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนร้อยละ 55 โดยเป็นงานสาธารณูปโภคและต่อเติม ซ่อมแซม การบูรณะปรับปรุง (Renovate) ร้อยละ 2 งานโรงพยาบาล ร้อยละ 39 งานสถาบันการศึกษา และ มหาวิทยาลัย ร้อยละ 17 งานคอนโดมีเนียม และ ศูนย์การค้า ร้อยละ 35 และงานอาคารทั่วไป ร้อยละ 7 ซึ่งงานในมือดังกล่าวจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ประมาณร้อยละ 60 ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีถัดไป
“ปัจจุบันหากรวมงานที่เซ็นสัญญาแล้วจะมี Backlog ประมาณ 3,500 ล้านบาท และหากรวมงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา 315 ล้านบาท จะทำให้บริษัทฯ มี Backlog รวมทั้งสิ้น 3,800 ล้านบาท โดย 60% จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ ดังนั้นเป้าหมายรายได้ของปี 2554 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท จึงไม่น่าจะเป็นปัญหา ซึ่งจะเห็นทิศทางการเติบโตได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ นอกจากนั้นยังมีงานอื่นๆ อีกหลายโครงการที่เราจะเข้าร่วมประมูลในปีนี้ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 13,500 ล้านบาท โดยมาจาก 6 กลุ่มลูกค้า ประกอบด้วย 1.คอนโดมิเนียมช้อปปิ้งมอลล์ 2. อาคารทั่วไป 3. สถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน 4. โรงพยาบาล 5. โรงงาน โรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี และ 6. Renovate ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้รับงานอีกไม่น้อยกว่า 5,000 ลบ. ซึ่งจะทำให้เราเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมายที่วางไว้ได้”
นายเจริญ กล่าวต่อถึงแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2554 ว่า คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตัวของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและการรับรู้รายได้จากงานในมืออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบคอมพิวเตอร์ ERP (Enterprise Resource Planning) มาใช้ในองค์กรซึ่งช่วยในการบริหารการเงิน บัญชี การบริหารงานจัดซื้อ รวมถึงการบริหารต้นทุนงานก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทฯมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี รวมทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้สูงขึ้น สนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้ผลประกอบการออกมาเติบโตได้อย่างโดดเด่นดังกล่าว
เขากล่าวต่อถึงความคืบหน้าแผนลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 แห่งในปีนี้ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าในเร็วๆ นี้ โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรกขนาด 9.5 เมกกะวัตต์ ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ใช้เงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ในปี 2556 ตามกำหนดเดิมที่วางไว้คือปีละประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในระยะเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ IR PLUS
รัตน์ศิกร จันทระ Tel. 02-554-9371
email : [email protected]