ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์” เป็น “BBB” จาก “BBB+”

จันทร์ ๐๙ พฤษภาคม ๒๐๑๑ ๑๔:๒๘
ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์” เป็น “BBB” จาก “BBB+” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่ที่ “BBB” พร้อมแนวโน้ม “Stable”

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB” จากเดิมที่ “BBB+” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วย พร้อมทั้งเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Negative” หรือ “ลบ” โดยบริษัทจะสำรองเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้แปลงสภาพในกรณีที่ผู้ถือหุ้นกู้ประสงค์จะใช้สิทธิในวันที่ 10 มิถุนายน 2554 นี้ ทั้งนี้ การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้และยังคาดว่าผลการดำเนินงานจะยังคงได้รับแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่บริษัทต้องดำเนินการตามแผน นอกจากนี้ การปรับลดอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงภาระหนี้ของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนเชิงรุกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแม้บริษัทได้พยายามลดภาระหนี้โดยการขายเงินลงทุนและสินทรัพย์บางส่วนออกไปในปี 2553 ก็ตาม

อันดับเครดิตระดับ “BBB” สะท้อนความเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ของบริษัท ตลอดจนจำนวนโครงการก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) ที่หลากหลายจำนวนมาก ความสามารถในการรับงานก่อสร้างหลายประเภททั้งในประเทศและต่างประเทศ การดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรโดยขยายสู่การผลิตวัสดุก่อสร้าง รวมถึงผลงานที่เป็นที่ยอมรับในโครงการก่อสร้างภาครัฐและโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากความเสี่ยงที่อาจเกิดจากสัญญาก่อสร้างแบบคงที่ (Fixed-price Contract) ตลอดจนความผันผวนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ภาระหนี้ที่สูง และนโยบายการลงทุนเชิงรุกของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากการมีงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบจำนวนมากและอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่จะทยอยเข้ามา อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทถดถอยลงอย่างมากจากระดับปัจจุบันและส่งผลต่อสภาพคล่องของบริษัท ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มสูงขึ้นหากบริษัทมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างมากจนนำไปสู่การปรับลดภาระหนี้และส่งผลทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทดีขึ้นอย่างยั่งยืน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สถานะผู้นำตลาดของบริษัทเกิดจากการมีผลงานเป็นที่ยอมรับ การมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ความสามารถในการผลิตวัตถุดิบสำคัญที่เพียงพอ การมีเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างที่ครบครัน ตลอดจนการมีวิศวกรและช่างที่มีทักษะสูงจำนวนมาก ทั้งนี้ในปี 2553 บริษัทมีรายได้รวม 36,076 ล้านบาท ธุรกิจของบริษัทแบ่งสายงานออกเป็น 9 ประเภท โดยมีสาขาในต่างประเทศ 3 แห่งคือประเทศไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินเดีย และมีบริษัทย่อยในต่างประเทศ 4 แห่งในประเทศพม่า อินเดีย อินโดนีเซีย และมาดากัสการ์ แม้ว่ากลยุทธ์ในการขยายธุรกิจก่อสร้างไปในต่างประเทศจะช่วยให้บริษัทมีรายได้ที่เพียงพอในช่วงธุรกิจก่อสร้างในประเทศชะลอตัว แต่กลยุทธ์ดังกล่าวก็เพิ่มความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยให้แก่บริษัทด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศแล้ว บริษัทยังขยายงานไปสู่ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก คอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป และปูนซีเมนต์ด้วย แม้การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรจะช่วยลดต้นทุนให้แก่บริษัทโดยเพิ่มอำนาจต่อรองกับผู้จัดหาวัตถุดิบและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบ แต่ก็ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงด้านวงจรธุรกิจของงานรับเหมาก่อสร้างแต่อย่างใด นอกจากนี้ การลงทุนในธุรกิจที่มีต้นทุนสูงเช่นธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์ยังส่งผลทำให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงเนื่องจากภาระหนี้ในงบการเงินรวมเพิ่มสูงขึ้น

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ได้รับงานใหม่มูลค่า 77,106 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2553 ทั้งปีที่ได้รับงานใหม่ในมูลค่าเพียง 16,085 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 26 เมษายน 2554 มูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบของบริษัททั้งกลุ่มอยู่ที่ 200,526 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการชนะการประมูลที่รอลงนามในสัญญาอีกจำนวน 36,951 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 5.56 เท่าของรายได้ในปี 2553 โดยประมาณ 68% ของงานในมือเป็นโครงการที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอินเดียและบังคลาเทศ ทริสเรทติ้งคาดว่ามูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในระยะปานกลางเนื่องจากมีแนวโน้มว่างานก่อสร้างสาธารณูปโภคของภาครัฐและงานก่อสร้างที่บริษัทจะได้จากธุรกิจสัมปทานจะเพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทได้รับสัมปทานในการดำเนินธุรกิจ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศพม่า โครงการทางด่วนในประเทศบังคลาเทศ และโครงการเหมือง Bauxite ในประเทศลาว ทั้งนี้ บริษัทจะจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อให้ทำหน้าที่ในการดำเนินการสัมปทานแต่ละโครงการแทน โดยบริษัทวางแผนในการถือหุ้น 30%-40% ในแต่ละบริษัทเหล่านั้น และบริษัทจะรับหน้าที่ในการก่อสร้างในโครงการสัมปทานเหล่านี้โดยตรง

สถานะทางการเงินของบริษัทในปี 2553 อ่อนแอกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุนและสินทรัพย์กว่า 2,067 ล้านบาทในปี 2553 แล้ว บริษัทจะมีผลขาดทุนทั้งสิ้น 1,769 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่สูง เมื่อรวมกับค่าใช้ก่อนเริ่มดำเนินการของธุรกิจสัมปทานแล้วส่งผลทำให้อัตรากำไรของบริษัทลดลง โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่ายลดลงมาอยู่ที่ 4.88% ในปี 2553 เปรียบเทียบกับ 5.55% ในปี 2552 เงินทุนจากการดำเนินงานในปี 2553 ลดลง 78% เมื่อเทียบกับปีก่อนมาอยู่ที่ 295 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.28% และ 1.21 เท่า ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าจากมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบ ประกอบกับแนวโน้มงานก่อสร้างสาธารณูปโภคของภาครัฐที่จะเพิ่มขึ้นน่าจะส่งผลทำให้

รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นถึงปานกลาง อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานจะยังคงไม่ฟื้นตัวนอกจากบริษัทจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารและดอกเบี้ยจ่ายลงได้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในระยะปานกลาง โดยงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลทำให้บริษัทมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานที่สูงขึ้น นอกจากนี้ แผนการลงทุนในธุรกิจสัมปทานที่ได้รับและค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนอาจบั่นทอนความพยายามในการลดภาระหนี้ของบริษัท ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2553 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 66.47% ลดลงจาก 68.5% ในปี 2552 — จบ

บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)

อันดับเครดิตองค์กร: ลดลงเป็น BBB จาก BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

ITD139A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 ลดลงเป็น BBB จาก BBB+

ITD146A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 ลดลงเป็น BBB จาก BBB+

ITD159A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 ลดลงเป็น BBB จาก BBB+

หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่) จาก Negative (ลบ)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version