นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์และ “เดอะ พรอมานาด” กล่าวว่า “จุดเริ่มต้นของ “เดอะ พรอมานาด” เกิดขึ้นจากการที่เรามองเห็นศักยภาพและการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปริมาณคนที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วมีคนเข้ามาใช้บริการ 80,000 คนต่อวัน มีรถที่เข้ามาใช้บริการที่จอดรถประมาณ 18,000 — 24,000 คันต่อวัน ซึ่งนับว่ามีปริมาณสูงกว่าศูนย์การค้าทั่วไป ประกอบกับศักยภาพกำลังซื้อของผู้อยู่อาศัยย่านรามอินทรา จากการสำรวจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในรัศมี 5-10 กิโลเมตรบริเวณรอบศูนย์การค้า พบว่า สังคมที่อยู่อาศัยในย่านนี้มีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จำนวนหมู่บ้านระดับพรีเมี่ยมที่มีมูลค่าสูงกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีและนับได้มากกว่า 22,000 ครัวเรือน รวมแล้วมีผู้อยู่อาศัยกว่า 1 แสนคน โดยครึ่งหนึ่งมีรายได้ครอบครัวต่อเดือนเฉลี่ยกว่า 200,000 บาท แต่ทว่ายังไม่มีศูนย์การค้าใดในย่านนี้ที่ตอบรับลูกค้ากลุ่มนี้ได้ตรงใจ
“ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของการสร้างสรรค์ “เดอะ พรอมานาด” ขึ้นในบริเวณข้างเคียงกับศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ที่มีปริมาณคนใช้บริการ (Traffic) และกำลังซื้อมากพอที่จะส่งต่อแก่กัน โดย เดอะ พรอมานาด ถือเป็น “ไฮบริดมอลล์” แห่งแรกของประเทศไทยที่เมื่อผนึกกำลังกับแฟชั่นไอส์แลนด์ ทั้ง 2 ศูนย์การค้าจะช่วยตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในย่านรามอินทราได้อย่างครอบคลุมใน จุดเดียว ทั้งกลุ่มพรีเมี่ยมสำหรับเดอะ พรอมานาดและกลุ่มทั่วไปสำหรับแฟชั่นไอส์แลนด์ โดยทั้ง 2 ศูนย์ฯ ยังเชื่อมต่อกำลังซื้อมหาศาลสู่กันด้วยสะพานทางเชื่อมที่ใช้เวลาเดินต่อถึงกันเพียงไม่ถึง 1 นาที”
นายประเสริฐ กล่าวว่า “เราใช้เม็ดเงินการลงทุนไปกว่า 1 พันล้านบาท กับโครงการนี้ โดยตั้งอยู่บนพื้นที่ 18 ไร่ติดถนนรามอินทรา เป็นอาคารสูง 2 ชั้น กินพื้นที่ทั้งสิ้น 18,000 ตารางเมตร พร้อมมีสโลแกนสอดคล้องกับชื่อของศูนย์การค้า คือ “เลทส์ เทค อะ วอร์ค” (Let’s Take a Walk) เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมเข้ามาเดินเล่นในสถานที่ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ของพวกเขาได้อย่างลงตัวที่สุด”
เดอะ พรอมานาด มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมที่มีกำลังซื้อสูง อายุ 28-40 ปี มีรสนิยมดีและ มีไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเอง ชื่นชอบการแฮงก์เอาท์กับเพื่อนๆ และครอบครัวในสถานที่ซึ่งเดินทางไปมาสะดวกโดยเฉพาะในวันเสาร์อาทิตย์ และมีสินค้าที่หลากหลายครบทุกความต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และสินค้าแฟชั่น ซึ่งเป็นประเภทสินค้า 3 อันดับแรกที่กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เลือกทำเมื่อมาศูนย์การค้า
สำหรับจุดเด่นของเดอะ พรอมานาด คือ ไลฟสไตล์มอลล์ ที่ผสมผสานศูนย์การค้าลักษณะอินดอร์ และเอาท์ดอร์เข้าด้วยกัน มีทั้งส่วนที่เป็นศูนย์ปิดเหมือนลักษณะศูนย์การค้าอินดอร์ทั่วไป และถนนสายช้อปปิ้งแบบโอเพ่นแอร์ ที่รวบรวมร้านค้าปลีกหลากรูปแบบเข้าด้วยกัน มีทางเชื่อมปรับอากาศระหว่างร้านค้าปลีกภายในอาคารรวมถึงทางเชื่อมต่อระหว่างอาคาร ทำให้ผู้ที่มาใช้บริการภายในศูนย์ฯ สามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นช้อปปิ้งได้ต่อเนื่องแม้ในฤดูฝน ทั้งยังได้บรรยากาศการช้อปปิ้งที่แตกต่างไปจากเดิม อีกทั้งร้านค้ายังสามารถสร้างยอดขายได้ดีตลอดทั้งปี แม้จะอยู่ในช่วงหน้าฝน ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ต่างจากคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วไปที่มักเป็นศูนย์การค้าแบบเปิด (Open-air Shopping Center)
ภายนอกก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Old Town Main Street ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินเล่นอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบยุโรป ภายในตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ “Romantic Casual Style” ที่เติมความรู้สึกสบายและเป็นกันเองให้ลูกค้าสามารถเข้ามาจับจ่ายได้อย่างเพลิดเพลินตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ในร้านค้าประเภทต่างๆ ทั้งบูติคแฟชั่นชั้นนำ สินค้าตกแต่งบ้าน สถาบันเสริมความงามและสุขภาพ และซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมี่ยม ซึ่งรวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ถึง 1,600 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารระดับไฮเอนด์ ที่กินพื้นที่ราว 50% ของศูนย์ฯ โดยเป็นร้านอาหารนานาชาติ และร้านเบเกอรี่ชั้นนำที่สอดคล้องกับ ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งผู้เข้ามาใช้บริการยังสามารถรื่นรมย์กับธรรมชาติภายในสวนสวยขนาดใหญ่ใจกลางมอลล์ได้ด้วย
ศูนย์การค้า “เดอะ พรอมานาด” ในขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างภายนอกไปแล้วกว่า 60% สำหรับช่วงพรีเซล เดอะ พรอมานาดเปิดให้ผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ได้แล้ว
“เดอะ พรอมานาด”ศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์มอลล์รูปแบบใหม่แห่งแรกของเมืองไทย พร้อมเปิดให้บริการราวเดือนกุมภาพันธ์ 2555
แถลงข่าวในนาม : บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติม : รื่นฤดี ทวีผล ([email protected])
ทัศนันท์ อากรชี ([email protected])
บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ จำกัด
โทร. 02 205 6607, 02 205 6620