โตโย-ไทย (TTCL) โชว์กำไรไตรมาส 1 พุ่งกระฉูด 33% เป็น 108 ล้านบาท

ศุกร์ ๑๓ พฤษภาคม ๒๐๑๑ ๐๙:๔๕
- เน็ต มาร์จิ้น เติบโต 36 % หลังเริ่มรับรู้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้านวนคร

โตโย-ไทย (TTCL) เดินหน้าเติบโตต่อเนื่อง โชว์กำไรไตรมาส 1 พุ่งเป็น 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้นแรง 33% แถมเน็ตมาร์จิ้น เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กว่า 36% คาดงานต่างประเทศสดใส

คุณสุวิทย์ มโนมัยยานนท์ กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสฝ่ายขาย บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านรับเหมาก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาด ใหญ่แบบครบวงจร ( Integrated EPC) รายเดียวของไทย เปิดเผยว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 108 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1 ปี 2554 เพิ่มขึ้นจาก 81 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีที่แล้ว คิดเป็น อัตราเติบโต 33 % ในขณะที่ กำไรขั้นต้นไตรมาสนี้ เติบโต 27.3% เป็น 271 ล้านบาทจาก 212 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,776 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากรายได้ 1,821 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

“โตโย-ไทยฯ ยังรักษาการเติบโตของกำไรให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากจะมีผลกำไรสุทธิเติบโต 33% และที่สำคัญสามารถเพิ่มอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ได้เพิ่มขึ้นถึง 36% เป็น 6.06% จากอัตรากำไรสุทธิ 4.45% ในไตรมาส 1 ปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากบริษัทฯสามารถควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างและบริการในไตรมาสที่ 1 ให้ลดลงได้ และมีการรับรู้งานในประเทศจากเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีการรับงานบางโครงการในรูปแบบ EPCm ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิสูงเนื่องจากไม่รวมค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์

สำหรับไตรมาสนี้ TTCL หรือ โตโย-ไทย สร้างผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 27.68% (คิดเฉลี่ยทั้งปี) สูงที่สุดในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างใหญ่ และมีอัตรากำไรต่อหุ้นในไตรมาสนี้ที่ 0.22 บาทต่อหุ้น สูงขึ้น 29.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ TTCL มีสถานะเป็น Cash Company มาโดยตลอด คือ มีปริมาณเงินสดหรือเทียบเท่าสูงถึง 1,335 ล้านบาท โดยไม่มีภาระหนี้เงินกู้เลย และเพิ่งจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังในอัตรา 0.22 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯจ่ายเงินปันผลทั้งปี 0.37 บาทต่อหุ้น” คุณสุวิทย์กล่าว

ณ สิ้นไตรมาส บริษัทฯ มีปริมาณงานคงค้าง (แบ็คล็อค) ที่ 7,400 ล้านบาท ซึ่งมีโครงการหลักหลายโครงการ อาทิ โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลที่เวียดนาม โครงการสร้างโรงไฟฟ้านวนคร (NNE) มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้นอกจากบริษัทฯจะได้รับงานรับเหมาแบบครบวงจร EPC แล้วบริษัทฯยังได้เข้าลงทุนด้วยการเข้า ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ประมาณ 71% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จ บริษัทฯจะมีรายได้จากเงินปันผลรับประมาณปีละ 115 ล้านบาท เป็นเวลา 25 ปี ตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งจะทำให้ TTCL มีผลประกอบการที่มั่นคงสูงยิ่งขึ้น

“TTCL มุ่งมั่นใช้กลยุทธ์หมวก 2 ใบเพื่อขยายธุรกิจคือ นอกจากจะรับงานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร (EPC) แล้วบริษัทฯยังพร้อมจะร่วมเข้าลงทุนถือหุ้นในโครงการที่น่าสนใจอีกด้วย (ดังเช่นโครงการโรงไฟฟ้านวนคร) เนื่องจากบริษัทฯมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีปริมาณเงินสดในมือสูง และมีทีมผู้บริหารและวิศวกรที่พรั่งพร้อม อีกทั้งมีพันธมิตรหลักระดับโลกที่ร่วมถือหุ้นในบริษัท ถึง 3 บริษัทคือ โตโย เอ็นจิเนียริ่ง (TOYO Engineering) และ ชิโยดะ คอร์ปอเรชั่น (Chiyoda Corporation) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 และ 2 ในประเทศญี่ปุ่นและ บมจ. อิตาเลียนไทย เดเวล็อปเมนต์ (ITD) ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยในขณะนี้ TTCL อยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานหลากหลายโครงการทั้งในและต่างประเทศ มูลค่ารวมกว่า 64,000 ล้านบาท” คุณสุวิทย์กล่าวสรุป

บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วรวม 480 ล้านบาท ก่อตั้งขึ้นในปี 2528 โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัท โตโย เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่มีประสบการณ์กว่า 48 ปีจากประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และในปัจจุบัน บริษัท ชิโยดะคอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่นได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 7% เช่นกัน

TTCL เป็น เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งเดียว ที่มีผลประกอบการที่เติบโตสูงและต่อเนื่องมาตลอดกว่า 26 ปี ปัจจุบัน TTCL มีจำนวนวิศวกรทุกสาขามากที่สุดในประเทศไทยคือ 795 คนจากพนักงานทั้งหมด 1,496 คน บริษัทฯมีประสบการณ์ในการรับเหมาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วกว่า 160 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานรวมกว่า 60,000 ล้านบาท มีฐานลูกค้าครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี ปิโตรเลียม ปุ๋ยเคมี โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทมหาชนและบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มปตท. กลุ่ม SCG หรือปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มบมจ. วีนิไทย กลุ่มคาโอของญี่ปุ่น กลุ่มไบเออร์ของเยอรมัน เป็นต้น โดยกลุ่มตลาดหลักในต่างประเทศได้แก่ เวียดนาม ซึ่งบริษัทมีบริษัทย่อยดำเนินงานอยู่ จีน กลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มอาฟริกา และสหรัฐอเมริกา”

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ