นาย ชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ผู้พัฒนาโครงการ “ชวนชื่น” และ “สิรีนเฮ้าส์” เปิดเผยว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายและบริการ ประจำไตรมาส 1/2554 จำนวน 405.68 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 55.70% ซึ่งมีรายได้ 915.90 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากในปีที่แล้ว บริษัทฯ ได้เร่งโอนกรรมสิทธิ์แก่ลูกค้าเพื่อให้ทันกับมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งสิ้นสุด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 53 จึงทำให้ยอดรับรู้รายได้สูงกว่าปกติ โครงการหลักที่สร้างรายได้ในปีนี้ ได้แก่ ชวนชื่นโมดัส เซนโทร, ชวนชื่นโมดัส จรัญฯ-ปิ่นเกล้า, ชวนชื่นอ่อนนุช, ชวนชื่นเพชรเกษมและชวนชื่นโมดัส แจ้งวัฒนะ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2554 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog) กว่า 1,200 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายที่สามารถรับรู้รายได้ในปี 2554 ประมาณ 70%
บริษัทฯ มีกำไรเบื้องต้น 161.44 ล้านบาท ลดลง 55.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 365.41 ล้านบาท จากสาเหตุที่ได้กล่าวข้างต้น ในขณะที่บริษัทฯ ยังรักษาความสามารถในการบริหารต้นทุนได้ดี เห็นได้จากอัตราส่วนกำไรเบื้องต้น (Gross Profit Margin) ในไตรมาสนี้เท่ากับ 39.79% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 39.90% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาสนี้ได้รวมค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน จากการปรับปรุงมาตรฐานการบัญชีใหม่ ทำให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นอีก 2.78 ล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เท่ากับ 100.37 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 108.70 ล้านบาท หลังจากหักดอกเบี้ยและภาษีแล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 47.00 ล้านบาท คิดเป็น 0.05 บาทต่อหุ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2553 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 194.90 ล้านบาท หรือ 0.23 บาทต่อหุ้น ลดลง 75.88% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิ 11.41% ลดลงจาก 21.17% ในไตรมาสที่ 1/2553
ด้านฐานะการเงินบริษัทฯ ยังคงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ณ สิ้นไตรมาสนี้เท่ากับ 0.29 เท่า ดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 0.30 เท่า และกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานที่เป็นบวกมาโดยตลอด ณ สิ้นไตรมาส 1/2554 อยู่ที่ 77.54 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทฯ จะใช้จ่ายเงินเพื่อจัดหาที่ดินเพิ่มเพื่อนำมาพัฒนาโครงการใหม่ ในขณะที่สินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้น ณ ไตรมาสที่ 1/2554 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปี 2553 หนี้สินในส่วนของเงินกู้ลดลงจากสิ้นปี 2553 เท่ากับ 169.44 ล้านบาท แต่มีการบันทึกหนี้สินผลประโยชน์พนักงาน 62.91 ล้านบาท จากการปรับปรุงมาตรฐานบัญชี ทำให้หนี้สินรวมลดลง 54.55 ล้านบาท
ผลจากการปรับปรุงมาตรฐานบัญชี เรื่องการรับรู้รายได้ จากเดิมรับรู้รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินตามวิธีอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ เป็นรับรู้เมื่อสิ้นสุดสัญญา (เมื่อโอนกรรมสิทธิ์) มีผลกระทบต่อรายได้ กำไรและกำไรต่อหุ้น ทำให้ในปี 2553 กำไรสะสมลดลง 11.88 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 1/2554 มีกำไรเพิ่มขึ้น 5.99 ล้านบาท สำหรับเรื่องผลประโยชน์พนักงานภายใต้นโยบายการบัญชีใหม่ ภาระผูกพันของบริษัทฯ เกี่ยวกับผลประโยชน์หลังออกจากงานได้บันทึกในงบการเงินด้วยวิธีคิดลดแต่ละหน่วยที่ประมาณการไว้ ซึ่งคำนวณโดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยทุกปี โดยที่ผ่านมาภาระผูกพันจะรับรู้เมื่อต้องจ่ายชำระ จึงบันทึกหนี้สินผลประโยชน์พนักงาน ณ วันที่ 1 มกราคม 2554 จำนวน 60.13 ล้านบาท และกำไรสะสมลดลงด้วยจำนวนเดียวกันและส่งผลให้ในไตรมาสที่ 1/2554 ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 2.78 ล้านบาท กระทบกำไรต่อหุ้นที่ลดลง 0.003 บาท
สอบถามรายละเอียดข่าวเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ :
ณัฐนันท์ สมาธิ, ณัฐยา สุขทอง, บริษัท มิกซ์ แอนด์ แมทซ์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
โทร 0 2967 7713-4
E-Mail : [email protected] , [email protected]