นายไสว ฉัตรชัยรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.ไอ.กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CIG เปิดเผยว่า บริษัทประมาณการรายได้ปี 2554 ไว้ประมาณ 1,500 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 30% จากปี 2553 โดยเป็นคำสั่งซื้อจากแคเรียร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะเริ่มผลิตและส่งสินค้าได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
“สินค้าคอยล์ท่ออลูมิเนียมเป็นสินค้าที่ใช้ท่ออลูมิเนียมทดแทนท่อทองแดงซึ่งทำให้ต้นทุนถูกกว่า และได้เปรียบในเรื่องน้ำหนักที่เบากว่า ซึ่งทำให้ได้น้ำหนักบรรทุกสินค้ามากขึ้น ซึ่งเมื่อมีออเดอร์ดังกล่าวเข้ามา ทำให้บริษัทต้องแปลงไลน์การผลิตให้เป็นไลน์เพื่อผลิตคอยล์อลูมิเนียมอย่างเดียว โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในไตรมาส 3 หรือประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ จะสามารถเริ่มส่งสินค้าให้กับเขาได้ ทั้งนี้ ทางแคเรียร์ได้ย้ายฐานการผลิตจากประเทศเพื่อนบ้านมาที่บริษัทเราเนื่องจากเราเป็นบริษัทเดียวที่สามารถผลิตสินค้าตัวนี้ให้กับเค้าได้ โดยยอดรายได้จากเฉพาะออเดอร์นี้คิดเป็นรายได้ประมาณ 800-900 ล้านบาทในปีแรก”
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนร่วมมือกับพันธมิตร คือ Chenzhou OMS Investment หรือ OMS เข้าไปตั้งโรงงานผลิตคอยล์แอร์ในประเทศจีน มีมูลค่าโครงการทั้งหมด 250 ล้านหยวน แต่ในเฟสแรกจะลงทุน 100 ล้านหยวน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 2554 หรืออย่างช้าต้นปี 2555
นายไสว กล่าวว่า อุตสาหกรรมคอยล์แอร์ในประเทศจีน มีอัตราการเติบโตสูงมาก เนื่องจากทางรัฐบาลจีนได้มีการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้เครื่องปรับอากาศที่ประหยัดไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งคล้ายกับการรณรงค์ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 ในประเทศไทย โดยประเทศจีน จะมีการซัพพอร์ตในด้านการเงินให้กับประชาชนของเขาด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2553 คอยแอร์ในประเทศจีนเติบโตประมาณ 130-140 ล้านยูนิต และในจำนวนดังกล่าว บริษัทรายใหญ่อันดับ 1 ถึง 5 มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 80% โดยพันธมิตรของบริษัท คือ OMS นั้น เป็นผู้ผลิตเครื่องจักรให้กับและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศในจีนแทบทุกบริษัท ทำให้การลงทุนร่วมกันเป็น synergy ที่ทำให้บริษัทร่วมทุนได้เปรียบ โดยได้รับเครื่องจักรที่ทันสมัยในราคาของผู้ผลิต มีตลาดลูกค้าแน่นอน มี know-how ในการผลิตคอยล์กว่า 30 ปี อีกทั้งยังเป็นกิจการที่ทางรัฐบาลจีนส่งเสริมอีกด้วย
“การลงทุนในประเทศจีน บริษัทจะรับเป็นเงินหยวน จึงถือเป็นโอกาสที่จะรับรู้รายได้มากขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากค่าเงินหยวนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากนัก แม้ว่าสินค้าที่บริษัทส่งออกจะรับเป็นดอลลาร์สหรัฐ แต่ในทางกลับกันจากวัตถุดิบที่สั่งเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนนั้น บริษัทก็จะซื้อในราคาถูกลง เมื่อนำมาคอนเวิร์ตกันแล้ว จึงไม่ได้กระทบแต่อย่างใด”
นายไสว กล่าวว่า อุตสาหกรรมคอยล์แอร์ปี 2554 จะเติบโตประมาณ 15-20% โดยการเติบโตของบริษัทจะโตมากกว่าอุตสาหกรรม เนื่องจากมีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามา และทำให้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากยอดรายได้จากต่างประเทศจากเดิมคิดเป็น 30% จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 50% ของยอดขายในสินปีนี้
สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2554 บริษัท รายได้รวมในไตรมาสที่ 1 ของปี 2554 เป็นจำนวนเงิน 307.34 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 17.71 ล้านบาท หรือ 5.45% เนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงการปรับไลน์การผลิตเพื่อรองรับงานของทางแคเรียร์สิงคโปร์ ทำให้การผลิตลดลง และมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มผลิตสินค้าให้กับลูกค้ารายนี้ จะทำให้บริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้