คุณเมตา ปราบสุธา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัการ บริษัท พี.เอฟ.พี.เทรดดิ้ง จำกัด บอกถึงนโยบายเด่นของ พีเอฟพี ว่า คือการเน้นเรื่องอาหารปลอดภัย การใส่สีธรรมชาติ ไม่ใส่สารบอแรกซ์ ไม่ใส่ผงชูรสในผลิตภัณฑ์ ควบไปกับการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล ด้านผลิตภัณฑ์ยังคงมีนโยบายการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มและนวัตกรรมใหม่
อย่างในปีนี้ กลยุทธ์ ด้านการตลาดที่ทำเชิงรุกใช้งบกว่า 60 ล้านบาท โดยเน้นที่การทำกิจกรรมสัมพันธ์การส่งทีมส่งเสริมการตลาดออกไปสร้างความรู้ในเรื่องผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้า เช่นการให้ความรู้และเมนูที่จะนำไปปรุงอาหารจากผลิตภัณฑ์ พีเอฟพี เรื่องการจัดการกับอาหารแช่แข็ง ว่าหลังจากซื้อมาแล้วควรเก็บอย่างไร และยังเพิ่มช่องทางการขายด้วยการปรับกลยุทธ์ด้านการขนส่ง เลือกใช้ระบบขนส่งที่เป็นรถแช่แข็ง เพราะฉนั้นผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกไปรับรองว่ามีคุณภาพตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
ในด้านการเติบโตในประเทศสำหรับปีนี้ พีเอฟพี มียอดโต เฉลี่ย 22% มีผลิตภัณฑ์ออกใหม่กว่า 30 ผลิตภัณฑ์ เฉลี่ยง่ายๆ จะมีผลิตภัณฑ์ออกทุกเดือน จะเห็นได้ว่า ตลาดในประเทศสำหรับอาหารทะเลแปรรูปแช่แข็ง พีเอฟพี ช่องทางการจำหน่าย ทั้งตลาดสด และร้านอาหาร โมเดิร์นเทรด ดิสเคาท์สโตร์ และร้านสะดวกซื้อ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายเข้ามาดูตลาดต่างประเทศอย่างในแทบเอเชีย ยังคงได้ผลตอบรับที่ดีทั้งผลิตภัณฑ์ซูริมิหรือเนื้อปลาแช่แข้งซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมปรุง คามาโบโกะหรือสินค้าสำเร็จรูปที่ใช้เนื้อปลาบดหรือซูริมิเป็นวุตถุดิบ เช่นปูอัด รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเต้าหู้ปลาและก้ามปูเทียม ซึ่งมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกตลาดฝั่งต่างประเทศก็ว่าได้ สิ่งสำคัญคงเป็นเพราะ พีเอฟพี ขยันเพิ่มยอดขาย ดดยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย การรักษาฐานลูกค้าเดิมและการกระตุ้นยอดกับประเทศคู่ค้าต่างๆ อยู่เสมอ
คุณเมตตา ยังให้ความเห็นต่ออีกว่า ในเมืองไทยตลาดอาหารแช่แข็งอื่นๆ รวมทั้งปลาทะเลยังจะโตขึ้นอีกเรื่อยๆ ต้องมีการพัฒนาสินค้าและการแข่งขันกันสูงขึ้น นั้นหมายถึงตลาดน่าจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ เราอาจจะได้เห็นผู้ประกอบการหน้าเก่าและหน้าใหม่ลงมาเล่นกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ให้สัมภาษณ์ ไว้ที่หนังสือ Food Today Vol.2 No.12: November — December 2010
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมฝ่ายประชาสัมพันธ์
นายชินพัฒน์ วลัญชยเศรษฐ์
โทรศัพท์ 02-285-4070-5 ต่อ 317,169