นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2554 เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 ได้มีมติอนุมัติเบื้องต้นให้จัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อบริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด (CR) ภายในเดือนมิถุนายน 2554 ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 130,000,000 บาท โดย TPOLY ถือหุ้นในสัดส่วน ร้อยละ 65 ของทุนจดทะเบียน 200,000,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นการถือหุ้นร่วมของพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจโรงไฟฟ้า โดย บริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ที่ตำบลนาโพธิ์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นการสานต่อนโยบายเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิและเพิ่มกระแสเงินสดที่มั่นคงให้กับบริษัทฯในระยะยาว เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าได้รับสัญญาซื้อ-ขายไฟฟ้าระยะยาวเป็นเวลา 25 ปี ต่อเนื่องอัตโนมัติทุกๆ 5 ปี โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ในไตรมาส 3 นี้
นอกจากนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้อนุมัติเบื้องต้นให้จัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท ทีโพลี่ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ภายในเดือนพฤษภาคม 2554 เพื่อประกอบธุรกิจ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซื้อขายที่ดิน พัฒนาโครงการจัดสรร รับจำนำจำนอง โดย TPOLY ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 99.99 จากทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ซึ่งประมาณปลายปี 2554 บริษัทฯ มีแผนจะเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ แนวราบใหม่จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 200 ล้านบาท ถือเป็นโครงการนำร่องเป็นโครงการแรก ส่วนทำเลยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้
" การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นไปตามแผนธุรกิจที่บริษัทฯวางไว้ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการลงทุนในธุรกิจนี้บริษัทฯ ได้ร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทฯ จะดูแลการก่อสร้าง ส่วนพันธมิตรจะดูแลการขาย ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 3 ปีนี้น่าจะเปิดตัวพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเป็นทางการได้ ส่วนบริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด ที่จะลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล แห่งที่ 2 เพื่อผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ที่ตำบลนาโพธิ์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อเนื่องจากโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรก ที่ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินงานที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นั้น จะมีกำลังการผลิตเท่ากับโรงแรก คือ 9.5 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนใกล้เคียงกันที่ 700 ล้านบาท ซึ่งในโครงการนี้ทางบริษัทเป็นทั้งผู้รับเหมาในการก่อสร้างและผู้ลงทุน โดยทางบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงระหว่างการก่อสร้างเป็น Backlog ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 550-580 ล้านบาท อีกทั้งโครงการนี้สามารถสร้างรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท/ปี บริษัทถือหุ้น 65% ทำให้รับรู้รายได้ประมาณ 130 ล้านบาท/ปี และมีกำไรสุทธิประมาณ 35 ล้านบาท/ปี โดยโครงการนี้มีผลตอบแทนการลงทุนที่(IRR) 12% ระยะเวลาการคืนทุนประมาณ 6.5 ปี "
นายเชิดศักดิ์ กล่าวอีกว่า การขยายไลน์ธุรกิจให้กว้างขวางขึ้นในปัจจุบัน เพื่อต้องการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัทฯ ในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธุรกิจหลักและรายได้หลักของบริษัทฯ ยังคงเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และบริษัทฯ ยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเข้าประมูลงานใหม่อีกมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยประกาศผลในช่วงไตรมาส 2/2554 และไตรมาส 3/2554 ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับงานดังกล่าวในสัดส่วน 50% จากมูลค่างานทั้งหมด ส่วนปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงเน้นรับงาน 6 กลุ่มหลัก ซึ่งประกอบด้วย 1. คอนโดมิเนียมและช้อปปิ้งมอลล์ 2. โรงพยาบาล 3. ปิโตรเคมี 4. โรงไฟฟ้า 5. สถาบันการศึกษา และ 6. งานปรับปรุงอาคารต่างๆ ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ 3,218 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้สัดส่วน 40% ที่เหลืออีก 60% ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2555 จึงมั่นใจว่าในปีนี้จะผลักดันรายได้ให้ขึ้นสู่เป้าหมายที่ 2,500 ล้านบาทได้สำเร็จ จากปี 2553 ที่ทำได้ 2,012.68 ล้านบาท
"บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นที่ธุรกิจหลักคืองานก่อสร้าง ซึ่งเป็นงานที่บริษัทฯ มีความชำนาญ ส่วนธุรกิจใหม่ที่เพิ่มเข้ามา 2 ธุรกิจคือโรงไฟฟ้าชีวมวลและอสังหาริมทรัพย์ เป็นการแตกไลน์ธุรกิจ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ซึ่งในปีหน้าจะเริ่มเห็นโครงการอสังหาฯ โครงการแรกออกมา ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ทางบริษัทมีแผนการลงทุนโดยจะมีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแล้ว ส่วนของโครงการ ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จะใช้เวลาก่อสร้าง 22 เดือน หลังจากโครงการแล้วเสร็จจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความมั่นคงทางรายได้ของบริษัทในอนาคตเป็นอย่างดี " นายเชิดศักดิ์ กล่าว
หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ : IR PLUS คุณรัตน์ศิกร จันทระ (เก่ง)
Tel. 02-554-9371 email:[email protected]