นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในไตรมาสที่ผ่านมาถือว่ามียอดขายเติบโตตามเป้าหมาย ซึ่งในปี 2554 แผนรายได้ของบริษัทฯตั้งเป้าใว้ที่ 4,100 ล้านบาทในตลาดสินค้าพีเอฟพี เติบโตจากปีที่ผ่านมา 15% โดยแบ่งสัดส่วนตลาดต่างประเทศ 2,200 ล้านบาท ตลาดภายในประเทศ 1,900 ล้านบาท
เป้าหมายที่วางใว้มองจากพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับอาหารเพื่อสุขภาพ จึงเป็นโอกาสของอาหารแปรรูปจากปลาทะเลเพราะนอกจากคุณค่าอาหารที่มีมาก เช่น โอเมก้า3 แคลเซี่ยม โปรตีน และวิตามิน พร้อมทั้งความแปลกใหม่ของรสชาดที่มีมากกว่าปลาแช่แข็ง พร้อมทั้งความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มีเกือบ 100 รายการของพีเอฟพี ที่สร้างสรรค์เมนูโปรดได้มาก ทั้งไทย, จีน, ญี่ปุ่นฯลฯ จึงถือว่ามีโอกาสเติบโตในตลาดได้อีกมาก จึงทำให้ตัดสินใจลงทุนเครื่องจักรและปรุบปรุงโรงงานกว่า 300 ล้านบาท รวมทั้งการสร้างห้องเย็นอีกกว่า 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตลาดในช่วง 3 ปี ข้างหน้า
สำหรับความคืบหน้าการขยายการลงทุนในต่างประเทศเพื่อแสวงหาแหล่งวัตถุดิบต้นทุนต่ำขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ร่วมทุนและทบทวนสถานที่ตั้งโรงงานเพื่อป้องกันปัญหาภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกขณะนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะหาข้อสรุปได้ในปี 2555
ภาพรวมตลาดต่างประเทศวางเป้าหมายใว้ที่ 2,200 ล้านบาท ในกลุ่มสินค้าซูริมิ 700 ล้านบาท กลุ่มสินค้าพีเอฟพี 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะได้ตามเป้าหมายถึงแม้ตลาดหลักซูริมิที่ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นเป็นสัดส่วนถึง 40% จะประสบปัญหาหลังจากเกิดภัยพิบัติทำให้ยอดขายหายไปถึง 20% แต่ก็สามารถหาตลาดทดแทนในเอเซียได้เพิ่มขึ้น โดยจากจีน และมาเลเซีย แต่สำหรับผลิตภัณฑ์นั้นคาดว่าไม่มีปัญหาถึงแม้ในกลุ่มประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจ
ภายในประเทศแต่เนื่องจาก พีเอฟพี มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่ในกลุ่มอาเซียนซึ่งมีการเติบโตมากกว่าแถบอื่นจึงถือเป็นโอกาสที่ดี พร้อมกับคู่ค้าที่ดีที่มีความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจที่ดีอีกด้วย
ด้านภาพรวมตลาดภายในประเทศ น.ส.เมตตา ปราบสุธา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอฟพี เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารตลาดในประเทศ กล่าวว่าเป้าหมายของบริษัทฯ ที่วางใว้ 1,900 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ สินค้าอาหารทะเลแช่แข็งนำเข้าจากต่างประเทศ 500 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์พีเอฟพี 1,400 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 20% การเติบโตหลักอยู่ในกลุ่มสินค้าพร้อมทานโดยการเพิ่มมุลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และการขยาย พีเอฟพีชอป
สัดส่วนตลาดที่เติบโตมาจากช่องทางธุรกิจใหม่คือ PFP Shop จากเดิมมีเพียง 7 สาขาในไตรมาสที่ผ่านมาเปิดเพิ่ม 3 สาขา พร้อมตั้งเป้าเปิดครบ 25 สาขาภายในสิ้นปีในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของบริษัทฯ และการเติบโตของ คีออสจุดขายพร้อมทานที่ปัจจุบันทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเปิดแล้ว 80 จุด และตั้งเป้า 150 จุด ภายในปี 2554
สำหรับตลาดเดิมในกลุ่มค้าส่งตลาดสด,กลุ่มโมเดิร์นเทด,ร้านสะดวกซื้อ และกลุ่มร้านอาหารชั้นนำ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากปัจจุบันค่าแรงและวัตถุดิบมีการปรับตัวสูงขึ้นมาก บริษัทฯมีการปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 5% แต่คาดว่าลูกค้ายอมรับได้จะไม่ส่งผลให้ยอดขายลดลงเพราะสินค้ากลุ่มอื่นๆ มีการปรับราคาไปก่อนหน้ามากแล้ว แต่พีเอฟพี พยายามตรึงราคาให้มากที่สุด
กลยุทธ์การตลาดในการสร้างแบรนด์และปรับโฉมผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่ม โดยการดึงฟู้ดสไตลิสชื่อดัง คุณขาบ สุทธิพงษ์ ในการพัฒนาเมนูใหม่ๆ และสร้างเทคนิคการปรุงเมนูอาหารจานโปรด หรือการคิดเมนูปาร์ตี้สนุกๆ ทั้งกลุ่มเพื่อนและกับครอบครัวที่อบอุ่น จากผลิตภัณฑ์แบบ Creative food ซึ่งหลังจากงานนี้แล้ว จะสัญจรไปจัดกิจกรรมพิเศษในห้างสรรพสินค้า คุ๊กกิ้งคลับ ตลอดทั้งปี โดยวางงบประมาณการส่งเสริมการตลาดใว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท สัดส่วนใหญ่ที่กิจกรรมการตลาด 70% การโฆษณา 30%
พีเอฟพี มองภาพรวมเศรษฐกิจปัจจุบันในประเทศที่กำลังมีความคึกคักของกิจกรรมการเมืองที่กำลังเข้าเวทีการเลือกตั้งที่คาดว่าจะส่งผลให้เศษรฐกิจเติบโตและการบริโภคมีการขยายตัวขึ้นในช่วงนี้ แต่สิ่งที่ฝากสู่ทุกรัฐบาลคือการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงในอุตสาหกรรมอาหารที่มีมานานถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้