นายสมบัติ คุรุพันธ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ประเด็นสำคัญจากการประชุมครั้งนี้คือการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนา และส่งเสริมสำหรับแนวทางหรือกลยุทธ์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อเตรียมการรองรับการเปิดเสรีทางการค้าตามกรอบความร่วมมือของอาเซียนและการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC: AESAN Economic Community) ซึ่งจะเปิดในปี ๒๕๕๘ (ค.ศ. ๒๐๑๕)
ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มีการเตรียมการวางแนวทางด้านการจัดทำหลักสูตรเกี่ยวกับวิชาชีพ ซึ่งเป็นไปตามกรอบความร่วมมือของอาเซียนในปี ๒๕๕๘ โดยจะมีการบังคับใช้ข้อตกลงร่วมกันด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (MRA : ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals) คือ ความตกลงการยอมรับคุณสมบัตินักวิชาชีพการท่องเที่ยว โดยมีคณะกรรมการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพการท่องเที่ยวทำหน้าที่กำกับให้เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานสมรรถนะร่วมสำหรับวิชาชีพการท่องเที่ยวอาเซียน ทั้งนี้นักวิชาชีพท่องเที่ยวที่ผ่านการรับรองมีวุฒิประกอบวิชาชีพการท่องเที่ยวภายในประเทศสมาชิกอาเซียนโดยอยู่ภายใต้ข้อกฎหมายและข้อบังคับของประเทศผู้รับ ซึ่งจะส่งผลให้เกิด ๑) การเพิ่มขึ้นของคู่แข่งจากประเทศสมาชิกอาเซียนที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยทั้งในด้านการบริการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการลงทุน ๒) บุคลากรด้านการท่องเที่ยวของไทยมีจุดที่ต้องปรับคือด้านภาษาต่างประเทศ ซึ่งอาจเสียเปรียบคู่แข่งจากประเทศอื่น ดังนั้นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงได้ประสานงานร่วมกันกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ ฯลฯ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
นอกจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดทำหลักสูตรมาตรฐานโดยมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งเข้ามาช่วยกำกับดูแล อาทิ มหาวิทยาลัยพายัพ มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด ฯลฯ เพื่อยกระดับและพัฒนาบุคลากรภายในประเทศไทยให้มีมาตรฐานพร้อมสำหรับการเปิดประเทศเข้าสู่สมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากนี้ประเทศไทยจะได้โอกาสในการ่วมทุนกับนักธุรกิจในกลุ่มอาเซียนเพิ่มเพื่อเพิ่มความชำนาญและการรู้จักตลาดที่ขยายตัวในอนาคต
อย่างไรก็ตามเรื่องการรักษาความปลอดภัย เรื่องการเดินทางเข้าออกภายในแต่ประเทศของกลุ่มสมาชิกอาเซียนจำเป็นต้องมีการวางแผนและบริหารจัดการที่ดี เพราะเมื่อมีการเคลื่อนย้ายผู้ขึ้นมากขึ้น อาจเป็นช่องทางให้เกิดมิจฉาชีพฉวยโอกาสกระทำทำกฎหมายต่างๆ ได้งานขึ้น ทั้งนี้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวจะเป็นหน่วยงานหนึ่งที่จะดำเนินการประสาน สอดส่องดูแลในสาขาการท่องเที่ยว ดูแลนักท่องเที่ยวควบคู่กันไป
ในต้อนท้ายคณะกรรมการการตรวจสอบและประเมินผลประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีข้อแนะนำในการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในร่วมหารือกับมหาวิทยาลัยภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อการกระจายความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนการฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ในมหาวิทยาลัยทั่งประเทศเพราะมหาวิทยาลัยต่างๆ ล้วนมีความพร้อมในด้านวิชาการรองรับอยู่ก่อนแล้ว และที่สำคัญทำอย่างไรจะให้ประชาชนในประเทศไทยทั้งหมดรับทราบและตื่นตัวในการเปิดประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือ ค.ศ. ๒๐๑๕ ในครั้งนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะประชาสัมพันธ์ให้คนในประเทศไทยได้ทราบอย่างทั่วถึงต่อไป