นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากการที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าทำการช่วยเหลือผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นหญิงต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม ถูกกักขังและบังคับ ขู่เข็ญ จากแก๊งผู้ต้องหาชาวไต้หวันให้ทำงานรับจ้างตั้งครรภ์ให้บุคคลอื่น (อุ้มบุญ) จำนวน ๑๕ ราย โดยให้อยู่ในความดูแลของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ จ.นนทบุรี เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและฟื้นฟูสภาพจิตใจ และประสานงานกับประเทศต้นทางตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ว่าด้วยการต่อต้านการค้าหญิงและเด็กและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านการดำเนินคดีกับผู้กระความผิดและการเรียกร้องสิทธิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ๕ ราย และตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันค้ามนุษย์ ปัจจุบันถูกคุมขังที่ทัณฑสถานมีนบุรี และศาลมีได้คำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว ส่วนนายเล่าปัน ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ ขณะนี้คาดว่าหลบหนีอยู่ในประเทศไทย และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว ทั้งนี้ หญิงชาวเวียดนามทั้ง ๑๕ ราย จำแนกเป็น ๓ กลุ่ม ดังนี้ ๑. กลุ่มที่คลอดบุตรแล้ว จำนวน ๔ ราย มีเด็ก ๕ ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กแฝดชาย-หญิง ๑ คู่ ซึ่งบุตรของหญิงเวียดนามกลุ่มนี้ได้ฝากเข้ารับการดูแลเป็นการชั่วคราวที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ๒. กลุ่มที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ จำนวน ๕ ราย และ ๓. กลุ่มที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ จำนวน ๖ ราย โดยกระทรวงฯ ได้ดำเนินการส่งกลับไปแล้ว เมื่อวันที่ ๑๓ พ.ค.๕๔ จำนวน ๑๐ ราย ได้แก่ กลุ่มที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ ๔ ราย และที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ๖ ราย โดยมีเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และมูลนิธิพิทักษ์สตรีร่วมเดินทางไปส่ง ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และในวันนี้ จะส่งกลับอีก ๑๐ ราย เป็นหญิงซึ่งอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์จำนวน ๑ ราย และหญิงที่คลอดบุตรแล้ว ๔ ราย และเด็ก ๕ ราย(เด็กแฝดชาย-หญิง ๑ คู่) โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์สตรีร่วมเดินทางไปด้วย
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า การแสวงหาประโยชน์จากผู้เสียหายฯด้วยวิธีการอุ้มบุญ ถือเป็นการค้ามนุษย์รูปแบบใหม่ ที่มีความซับซ้อน และถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่มีเครือข่ายโยงใยข้ามชาติ ในวันนี้ กระทรวงฯ จึงได้ทำการส่งกลับหญิงชาวเวียดนามกลุ่มที่เหลือกลับมาตุภูมิอย่างเป็นทางการ และจะร่วมเดินทางไปพร้อมกับผู้บริหารกระทรวงฯ เพื่อพบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณะ (Ministry of Public Security) ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ร่วมกัน รวมทั้งทำพิธีส่งมอบผู้เสียหายฯ ให้กับฝ่ายเวียดนาม พร้อมจะได้ตรวจเยี่ยมหญิงชาวเวียดนามทั้งหมด ที่ประเทศเวียดนาม ด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตั้งศูนย์บริการจุดเดียว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ท่าอาศยานสุวรรณภูมิ (One Stop Service) เพื่อให้บริการดูแลช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง คาดว่าจะเริ่มต้นให้บริการได้ในช่วงเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔.