มูลนิธิสยามกัมมาจล สานพลังเครือข่ายโรงเรียนพอเพียง ตั้งเป้า 84 ศูนย์เรียนรู้ฯเทิดพระเกียรติฯ 84 พรรษา

อังคาร ๓๑ พฤษภาคม ๒๐๑๑ ๑๑:๑๗
มูลนิธิสยามกัมมาจลเดินหน้า สานพลังเครือข่ายโรงเรียนพอเพียง ตั้งเป้าหมาย 84 ศูนย์การเรียนรู้ฯ เทิดพระเกียรติฯ 84 พรรษาเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนของกระทรวงศึกษาธิการในการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเผยแพร่สู่การเป็น “หลักคิด-หลักการดำเนินชีวิต” ปลูกฝังแก่ “เยาวชน” ทั่วประเทศ

ระหว่างวันที่ 27 -28 พฤษภาคม 2554 มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้จัดงาน ตลาดนัดความรู้ “เครือข่ายเรียนรู้สู่ความพอเพียง”ครั้งที่ 3 ขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ขึ้น โดยมีผู้บริหาร ครู และนักเรียนแกนนำกว่า 600 คนจากสถานศึกษาพอเพียงในเครือข่ายจำนวน145 แห่งเข้าร่วมงาน วัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนที่สมัครเข้าร่วมโครงการได้พบปะเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงาน รวมถึงรับทราบบาทบาท เกิดแรงบันดาลใจ และร่วมกันวางแผนพัฒนาตนเองเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ไปพร้อมๆ กับโรงเรียนเครือข่ายในภูมิภาค ให้ได้ 84 ศูนย์ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษาในปีนี้

ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการมูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดงานตลาดนัดความรู้ “เครือข่ายเรียนรู้สู่ความพอเพียง ครั้งที่ 3” ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งสำหรับโรงเรียนที่ได้รับการประเมินเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาจำนวน 13 แห่ง ตลอดจนเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับนักเรียนในโรงเรียนดังกล่าวที่จะได้รับประโยชน์จากการที่โรงเรียนเป็นศูนย์ฯ ข้างต้น ขณะเดียวกัน โรงเรียนเหล่านี้ยังจะถือเป็นกำลังสำคัญในการขยายผลการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงสู่เพื่อนโรงเรียนอื่นๆ สู่ชุมชน ตลอดจนสู่สังคมโดยทั่วไปของประเทศไทยอีกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2542 เมื่อครั้งสำนักราชเลขาธิการพระบรมมหาราชวังได้ส่งคำนิยามของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และนำกระแสพระราชดำรัสพระราชทานพระบรมราชานุญาตินำคำนิยามดังกล่าวไปเผยแพร่สู่สังคมในวงกว้าง นับเป็นจุดเริ่มต้นของการน้อมนำหลักปรัชญาฯ มาสู่การใช้ประโยชน์และเผยแพร่ในเวลาต่อมา โดยภาคการศึกษาถือเป็นภาคส่วนแรกๆ ที่น้อมนำหลักคิดเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การเผยแพร่ จากนั้น 5 ปีให้หลัง คือในปี 2547 ได้มีการประกวดความเรียง “ตัวอย่างเศรษฐกิจพอเพียงที่ข้าพเจ้ารู้จัก” พบว่าได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะจากสถาบันการศึกษาต่างๆ มีผู้ส่งผลงานรวมกว่า 1,500 ชิ้น ในจำนวนนี้พบว่ามีความเข้าใจที่หลากหลาย และมีอยู่ไม่น้อยที่ยังคงเข้าใจหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงคลาดเคลื่อนอยู่มาก

การประกวดความเรียงฯ ดังกล่าวทำให้เกิดเป็นข้อค้นพบว่า การน้อมนำหลักปรัชญาฯ ไปสู่การใช้ประโยชน์กับส่วนรวมเป็นกระบวนการที่ต้องทำ ค่อยๆ ทำอย่างต่อเนื่องกันไป โดยนำสิ่งที่เป็นคุณค่า เป็นประสบการณ์ที่ดีมาเผยแพร่สู่การรับรู้ร่วมกัน พร้อมกับสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สังคมจึงไม่ใช่กระบวนการที่ทำครั้งเดียวหรือวันเดียว แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำต่อเนื่องกันไป

“เมื่อปี พ.ศ. 2547 เรามีโรงเรียนที่สมัครและได้รับการคัดเลือกเป็นโรงเรียนที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่กระบวนการขับเคลื่อนจำนวน 9 แห่งใน 9 อนุภูมิภาคจากโรงเรียนทั้งหมดประมาณ 40,000 แห่งทั่วประเทศ การขับเคลื่อนสู่โรงเรียนอย่างครอบคลุมจึงถูกมองว่าเป็นเรื่องยากและต้องใช้ความเพียรมาก อาจเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว จาก 9 แห่งนั้น ปัจจุบันมีโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นโรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว 1,261 แห่ง และกระทรวงศึกษาธิการได้วางเป้าหมายให้ภายในปีนี้ มีโรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียง 9,999 แห่งทั่วประเทศ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศได้ในเวลาอันใกล้นี้ และสามารถทำได้อย่างมีความยั่งยืนต่อไป โดยศูนย์เหล่านี้จะเป็นแหล่งศึกษาดูงานและปลูกฝังอุปนิสัยพอเพียงให้แก่นักเรียนได้” ดร.จิรายุ กล่าวและเสริมว่า

ขณะเดียวกัน มูลนิธิสยามกัมมาจลยังจะร่วมขับเคลื่อนให้เกิดศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นจาก 13 แห่งในปัจจุบัน เป็น 84 แห่งภายในปีนี้ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายข้างต้นด้วย

ดร.กมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายพร้อมร่วมแรงร่วมใจในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา และให้โรงเรียนต่างๆ น้อมนำหลักคิดนี้ไปสู่การบริหารจัดการ และการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน

โดยคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการยังมีนโยบายมอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางและเป็นส่วนหนึ่งของจุดเน้นในการปฏิรูปการศึกษาในทุกระดับ ทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐาน การอาชีวะศึกษา การอุดมศึกษา ตลอดจนการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษานอกระบบ โดย สพฐ.พร้อมแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในการน้อมนำหลักคิดดังกล่าวสู่การจัดการระบบการศึกษาด้วย

ความร่วมมือที่ผ่านมา อาทิ ความร่วมมือร่วมกับโครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และมูลนิธิสยามกัมมาจล ในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาส่งเสริมให้เกิดศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาขึ้น โดยมีเป้าหมายปลายทางเพื่อให้สถานศึกษาสามารถสามารถนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักคิด หลักความรู้ และเป็นหลักปฏิบัติได้อย่างน้อย 4 ด้าน นั่นคือ ด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา ด้านการกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอน ด้านการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และด้านการพัฒนาบุคลากรให้สามารถน้อมนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และเป็นแหล่งการศึกษาดูงานของสถานศึกษาทั่วไป รวมทั้งของชุมชนท้องถิ่นที่มีความสนใจที่จะดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้ได้มีโอกาสเรียนรู้ โดยวันนี้ได้เกิดผลเป็นรูปธรรมแล้วคือ ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาที่เกิดขึ้นแล้ว 13 แห่งใน 4 ภูมิภาค ซึ่งได้รับการคัดเลือกและมีพิธีมอบเกียรติบัตรภายในงานนี้

“สพฐ.เชื่อมั่นว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงพระราชทานแก่พสกนิกรของพระองค์จะเป็นหลักการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกคน สพฐ.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งและจะน้อมนำสู่หลักสูตรแกนกลางของการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ทุกสถานศึกษาจะต้องนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อสอดรับจุดเน้นของยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาที่ต้องการให้นักเรียนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างพอเพียงต่อไป” รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าว

ด้าน ดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ ประธานคณะกรรมการประเมินศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา กล่าวถึงข้อสังเกตจากการติดตามการดำเนินการของศูนย์การเรียนรู้ฯ จากทุกภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมา พบว่า มีจุดร่วมกันคือคณะผู้บริหารสถานศึกษาและครูมีขวัญกำลังใจและมีความตั้งใจที่จะศึกษา ทำความเข้าใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนาตนเองสู่แนวทางของความพอเพียง เกิดเป็นความสุขของคณะผู้บริหาร ครู นักเรียน ตลอดจนชุมชนรอบโรงเรียน ซึ่งเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องการให้นักเรียนสามารถใช้ชีวิตอย่างพอเพียงได้ การขับเคลื่อนของโรงเรียนต่างๆ จึงเป็นการทำงานที่มีความต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน มีการพัฒนาตนเองอย่างน่าชื่นชม ครูเกิดการเปลี่ยนแปลงในตนเองในทางที่ดีขึ้น ส่งผลถึงวิธีคิด การเรียนการสอน และผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่ดีขึ้น

“ตัวอย่างความเปลี่ยนแปลง เช่น ครูบางคนบอกว่า แต่ก่อนของบางอย่างก็คือขยะ เป็นของไร้ค่าในสายตาของฉัน แต่เมื่อน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการเรียนการสอนแล้ว มองขยะและสิ่งของทุกอย่างว่าเป็นสิ่งมีคุณค่า สามารถนำมาเป็นสื่อการเรียนการสอนได้ ครูภาษาอังกฤษท่านหนึ่งบอกว่าเมื่อก่อนจะสอนหนังสือบนเป้าหมายของตนเองที่ตั้งไว้ ไม่ได้คิดว่า นักเรียนแต่ละคนมีพื้นฐาน มีความสามารถแค่ไหนอย่างไร จึงไม่มีความพอประมาณในการสอน แต่เมื่อรู้จักความพอประมาณในการจัดการเรียนรู้แล้ว พบว่านักเรียนสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น ห้องเรียนมีชีวิต ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีขึ้น

ครูศิลปะบอกว่า เด็กนักเรียนศิลปะไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์ศิลปะ ตอนนี้ให้นักเรียนมองหาสิ่งใกล้ตัวมาใช้ทำงานศิลปะตามกำลังของตนเอง เพราะแก่นของศิลปะคือจินตนาการ ได้ฝึกทักษะ และการเห็นความงามของสิ่งรอบตัว ครูหลายคนบอกว่าชีวิตดีขึ้น หนี้สินลดลง บางคนมาบอกเป็นการส่วนตัวว่าเลิกซื้อสลากกินแบ่งแล้ว” ดร.ปรียานุช กล่าว

จากนั้นได้มี พิธีมอบเกียรติบัตร “ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา” แก่สถานศึกษาพอเพียงแกนนำจำนวน 13 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย เพชรบุรี โรงเรียนโยธินบูรณะ โรงเรียนลาซาลจันทบุรี (มารดาพิทักษ์) โรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ โรงเรียนบ้านหนองไผ่ โรงเรียนแม่พริกวิทยา โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนกัลยาณวัตร โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคม โรงเรียนโพนทองวิทยายน โรงเรียนศีขรภูมิพิสัย โรงเรียนสำโรงทาบวิทยาลัย โรงเรียนห้วยยอด และมี พิธีมอบเข็มแก่ผู้บริหารและครูในโครงการเรื่องเล่า “บทเรียนความสำเร็จในการใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อจัดการการเรียนรู้” ครั้งที่ 2

ทั้งนี้ ภายในงานตลาดนัดความรู้ “เครือข่ายเรียนรู้สู่ความพอเพียง ครั้งที่ 3” ยังประกอบด้วยนิทรรศการของสถานศึกษาที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และมูลนิธิสยามกัมมาจล, วงเสวนา “ครุศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”, วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “ตัวอย่างกรณีศึกษา ออกแบบการเรียนรู้อย่างไรให้เด็กเข้าใจ เข้าถึง และนำหลักคิดพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในชีวิตและการทำงาน”, การบรรยาย “การใช้โครงงานเพื่อสร้างพลังการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ”, วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “วางแผนการพัฒนาศักยภาพโรงเรียนและขับเคลื่อนเครือข่าย”, การบรรยายในหัวข้อ “การจัดการความรู้สำหรับศตวรรษที่ 21” และการสาธิตการเล่นเกม “The Leader : ผู้นำพอเพียง” เกมเศรษฐกิจพอเพียงที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนไทย เป็นต้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version