นายเชาว์พันธุ์ พันธุ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด หรือ “เอไลฟ์” เปิดเผยว่า “เมื่อช่วงปลายปี 53 ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ได้มีการวางแผนในเรื่องของการขอเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 800 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท ทั้งนี้ได้มีการชำระทุนบางส่วนไว้แล้วเมื่อเดือน ธ.ค. 53 จำนวน 25 ล้านบาท และชำระเพิ่มเติมอีก 75 ล้านบาท จนครบจำนวน 100 ล้านบาทเมื่อปลายเดือน พ.ค. 54 ซึ่งเพียงพอต่อการขยายธุรกิจของบริษัทฯในด้านที่ปรึกษาทางการเงิน และประกันชีวิต รวมถึงช่องทางอื่นๆในอนาคต”
โดยการขอเพิ่มทุนในครั้งนี้ เนื่องจากเอไลฟ์มีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 80 % ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯมีขนาดสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 1,002 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากสิ้นปี 2552 ถึง 100% ดังนั้น การขอเพิ่มทุนจึงต้องสอดคล้องตามสภาวะการณ์ในการเติบโตของบริษัทฯด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการสอดรับกับเป้าหมายของสินทรัพย์รวมที่ทางเอไลฟ์ได้ตั้งไว้ในสิ้นปี 54 ที่จำนวน 1,500 ล้านบาท พร้อมทั้งยังสามารถรองรับกฎ RBC ที่จะประกาศใช้ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้อีกด้วย
สำหรับในเรื่องผลกระทบจากกฏเกณฑ์ RBC ทีจะประกาศใช้ในเร็วๆนี้ นายเชาวพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ ผลกระทบต่อรายได้การดำเนินงานจะมากน้อยขนาดไหนนั้นคงขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ และในเรื่องของต้นทุนการบริหารงาน ที่ต้องมีความระมัดระวังกันมากขึ้น เพราะต้องเดินตามกรอบของการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงหรือ RBC (Risk Based Capital) ซึ่งธุรกิจประกันเองก็ต้องปรับระบบบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานใหม่นี้ โดยอาจจะส่งผลต่องบการเงินบ้าง แต่สำหรับเอไลฟ์คงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก เนื่องจากเราเป็นบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งมีต้นทุนในการดำเนินงานไม่สูงมาก และเป็นต้นทุนที่สามารถควบคุมได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ๆ”
“ส่วนเป้าปี 2554 บริษํทฯคาดว่าน่าจะมีเบี้ยรับรวมที่ 1,072 ล้าน คิดเป็นอัตราการเติบโต 69% ด้านเบี้ยรับประกันปีแรกได้ตั้งเป้าเอาไว้ที่ 550 ล้านบาท ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็สามารถทำเบี้ยรับปีแรกได้แล้วกว่า 180 ล้านบาท โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว สามารถกวาดยอดขายประกันในงาน “มันนี่ เอ็กซ์โป” ซึ่งเป็นเบี้ยรับปีแรกได้ถึง 100 ล้านบาท จากยอดรวมการซื้อประกันทั้งหมดในงานจำนวน 217.78 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจมาก และยังได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่งจากในงานอีกด้วย จึงคาดว่าเอไลฟ์น่าจะทำยอดได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ยาก นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีตลาดประกันชีวิตน่าจะมีแนวโน้มที่คึกคักมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเป็นช่วงปกติที่ผู้บริโภคแสวงหาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบระยะยาวเพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษีประจำปี และที่น่าจับตามองคงเป็นผลิตภัณฑ์แบบผลตอบแทนระยะสั้น ซึ่งสอดรับกับ พรบ.คุ้มครองเงินฝากที่มีการปรับลดลง ทำให้เป็นการเพิ่มทางเลือกของการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตมากขึ้น” นายเชาว์พันธุ์ กล่าว