"ร่วมกันดับไฟแห่งความเกลียดชัง"
การประกาศยุติการชุมนุมของแกนนำ
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) สายเกินไปที่จะหยุดยั้งความสูญเสียเฉพาะหน้าเสียแล้ว ปฏิบัติการเผาเมืองของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ที่ไม่พอใจการประกาศยุติการชุมนุมของแกนนำยังไม่หยุดลง ความวุ่นวายเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด บ่งบอกชัดเจนว่า ประเทศไทยไม่ต่างไปจากคนป่วยหนัก และเป็นอาการป่วยไข้ทางสังคมที่เกิดจากความโกรธแค้น เกลียดชัง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟู เยียวยา อย่างเร่งด่วน เพื่อให้เราสามารถก้าวข้ามวิกฤติ และเดินไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง
เราเห็นว่า แม้เหตุการณ์รุนแรงยังไม่จบลง การป้องกัน บรรเทาเหตุ และช่วยเหลือ ยังคงต้องดำเนินต่อไป แต่ในขณะเดียวกันรัฐบาลต้องเร่งดับไฟแห่งความเกลียดชัง ด้วยการแสดงความจริงใจตามแผนโรดแมพสู่ความปรองดองให้เกิดขึ้นโดยด่วน โดยต้องเปิดให้มีการตรวจสอบ และสอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์
10 เมษายน 2553 และ 13 - 19 พฤษภาคม 2553 ที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก รวมถึงปัญหาด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เกิดจากการกระทำของทุกฝ่าย โดยที่ฟากรัฐบาล และแกนนำ นปช.จะต้องเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อลดการปะทุอารมณ์โกรธแค้น ของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศในเวลานี้ เราเห็นว่าสังคมไทยไม่อาจข้ามผ่านการค้นหาข้อเท็จจริงนี้ไปได้ เพื่อให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่ความเป็น “ นิติรัฐ ” ทุกคนอยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยไม่เลือกข้าง เลือกสี ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการ “ปรองดอง” ได้อย่างแท้จริง
เรายังเห็นว่าในเวลานี้ทั้งประเทศไทยถูกปกคลุมด้วยความเกลียดชัง ซึ่งนับเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของคนไทยทุกคน อันเนื่องมาจากปัญหาการเมืองที่สะสมมาหลายปี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราทุกคน ต้องช่วยกันเยียวยาสังคม เพื่อลดความโกรธแค้นเกลียดชัง แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะลบเลือนอารมณ์โกรธแค้นที่คุกรุ่นอยู่ในจิตใจของผู้สวมเสื้อต่างสี
แต่หากทุกฝ่ายตระหนักว่า เราทั้งผองต้องมองเพื่อนร่วมชาติอย่างเข้าใจ เห็นใจ และมีความปรารถนาดีต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นคนกรุง หรือคนชนบท คนรวย หรือคนจน พวกเราทุกสามารถร่วมกันดูแลสังคมได้ จะทำให้เราสามารถข้ามผ่านความขัดแย้ง และลดความเกลียดชังที่ปกคลุมสังคมไทยลงได้
สถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างประมาณค่าไม่ได้ โดยเฉพาะความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับชีวิตประชาชน ซึ่งจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะทั้งสองรอบเกินกว่า 70 คนไปแล้ว และมีผู้บาดเจ็บอีกนับพันคน แต่ทุกฝ่ายต้องตระหนักว่า เราไม่สามารถหยุดยั้งความสูญเสียได้ด้วยความเกลียดชัง จากความพยายามกระชับวงล้อมของรัฐบาล และ ศอฉ.ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงวานนี้
(19 พ.ค.) ไม่ต่างไปจากการเติมเชื้อฟืนแห่งความบ้าคลั่ง คับแค้น และแสดงออกด้วยความรุนแรง บ่งบอกชัดเจนว่า เราไม่สามารถยุติสถานการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้ได้ด้วยการใช้กำลังทหาร และความรุนแรง เพราะความรุนแรงได้สะท้อนกลับโดยไม่มีใครประเมินได้ว่าจะจบลงเมื่อใด
เสียงปืนยังไม่สงบ
ปฏิบัติการเผาเมืองโดย นปช.อิสระ ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ควันดำยังไม่จางในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ผู้ชุมนุมต่างระบายความโกรธแค้นในรูปแบบต่างๆ เราเห็นว่า การเยียวยาประเทศจะต้องเริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุด และเป็นภาระหน้าที่ทั้งของรัฐบาล และคนไทยทุกคนที่จะทำให้สังคมเกิดความปรองดอง ในภาวะที่สังคมไทยอ่อนแอ และบอบช้ำอย่างถึงที่สุด พลังของปัจเจกชนจึงสำคัญยิ่ง เราจำเป็นต้องร่วมด้วยช่วยกันสร้างการตระหนักรู้ถึง “จิตสาธารณะ”และ“การยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ” เพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมไทย ให้กลับคืนสู่ความสงบ สันติ อย่างที่พวกเราถวิลหามาตลอดห้วงวิกฤติที่ผ่านมา
ออกข่าวในนาม : ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กรุงเทพธุรกิจมีเดีย จำกัด
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : นิธิกานต์ ภู่ศิริ (กบ)
ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กรุงเทพธุรกิจมีเดีย จำกัด
โทรศัพท์ 0-2338-3383-4 ต่อ 3383