มร. มิเชล เลอ เคอเลค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบันสอนภาษาอังกฤษ วอลล์สตรีท ประเทศไทย เผยถึงแนวโน้มของธุรกิจสถาบันสอนภาษาอังกฤษว่า วอลล์สตรีทมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจสอนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะสถาบันที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับในหลักสูตรและมาตรฐานการสอนจะยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นที่ต้องการของตลาด เห็นได้จากผลตอบรับจากการเปิดสาขาใหม่ของวอลล์สตรีทตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับดีเกินคาด ซึ่งมีมีปัจจัยมาจากความสำคัญของภาษาอังกฤษในยุคปัจจุบันมีสูงขึ้น ทั้งเพื่อการศึกษาและการพัฒนาทักษะเพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพการงาน
“กระแสตื่นตัวกับนโยบายเศรษฐกิจของประเทศในการเข้าร่วมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน ในปี 2558 ถืออีกเหตุผลสำคัญต่อการขยายตัวของสถาบันสอนภาษาอังกฤษ เนื่องจากทุกฝ่ายตื่นตัวในการพัฒนาทักษะทางด้านภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องเตรียมพร้อมสู่ความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในเรื่องการใช้ภาษาเพราะการเข้าสู่การร่วมมือทางเศรษฐกิจกับนานาประเทศ การลดช่องว่างทางการสื่อสารถือเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษซึ่งถือเป็นภาษาหลักในวงการธุรกิจทั่วโลก” มร.มิเชล กล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาสถาบันสอนภาษาอังกฤษ วอลล์สตรีท ได้รับการยอมรับจากองค์กรชั้นนำในประเทศหลายองค์กรในการเข้าไปเปิดสถาบันสอนภาษาอังกฤษภายในองค์กร อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ ทีโอที เครือซิเมนต์ไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ และล่าสุดได้เปิดสถาบันสอนภาษาอังกฤษสำหรับลูกค้าองค์กร แห่งที่ 9 ในประเทศไทย ณ อีซี่ พลาซ่า นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง ซึ่งจากแนวโน้มดังกล่าวจะสามารถทำให้เรามีโอกาสใน
การขยายฐานลูกค้าองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นของวอลล์สตรีท ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรที่เป็นที่ยอมรับสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นที่พอใจให้กับผู้เรียน รวมถึงบรรยากาศการเรียนการสอนที่ทำให้ผู้เรียนรู้สึกผ่อนคลายไม่น่าเบื่อ และการจัดเวลาเรียนที่เอื้อต่อคนทำงาน รวมถึงการติดตามผลเพื่อรายงานความคืบหน้าและพัฒนาการของผู้เรียนได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ เพื่อตอบรับกับแผนการพัฒนาบุคลากรของแต่ละองค์กร
“จากการดำเนินงานในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยได้มีการเปิดสาขาใหม่ถึง 2 สาขาในกรุงเทพฯ และอีก 1 สาขาสำหรับลูกค้าองค์กร ซึ่งต่างได้รับผลตอบรับดีเกินคาด ประกอบกับกระแสความตื่นตัวในการพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษของคนไทยที่มีแนวโน้มโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้วอลล์สตรีทมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยในปี 2554 ตั้งเป้านักเรียนใหม่ที่ 10,000 คน โดยแบ่งเป็นนักเรียนใหม่ประเภทบุคคลทั่วไป 80 เปอร์เซ็นต์ และประเภทองค์กร 20 เปอร์เซ็นต์ และเชื่อว่าจะสามารถทำรายได้ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์จากปี 53” มร.มิเชล กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง สถาบันสอนภาษาอังกฤษ วอลล์สตรีท เป็นหนึ่งในสถาบันสอนภาษาชั้นนำระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 (พ.ศ.2515) ด้วยสถิติสอนนักเรียนกว่าล้านคนจากทั่วโลกกว่า 40 ปี และมีสาขา 450 แห่งใน 27 ประเทศทั่วโลก ในแต่ละปีมีผู้สนใจเข้าเรียนกับภาษาอังกฤษกับทางวอลล์สตรีท กว่า 2,000,000 คนทั่วโลก โดยล่าสุด ในปี 2010 กลุ่มบริษัท เพียร์สัน ซึ่งเป็นองค์กรด้านการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้ซื้อธุรกิจของสถาบันสอนภาษาอังกฤษวอลล์สตรีท จากกลุ่มบริษัท คาร์ไลส์ หลังดำเนินการมากว่า 40 ปี สำหรับ สถาบันสอนภาษาอังกฤษ วอลล์สตรีท ประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 7 แห่ง ตั้งอยู่บนทำเลที่ไปมาสะดวกทั้งสาขาสีลม สยามดิสคัฟเวอร์รี่ ยูเนี่ยนมอลล์ ลาดพร้าว เมเจอร์ ปิ่นเกล้า ซีคอน สแควร์ แฟชั่น ไอส์แลนด์ และฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต พร้อมด้วยสถาบันสอนภาษาอังกฤษสำหรับลูกค้าองค์กรอีก 9 แห่งในองค์กรชั้นนำในประเทศไทย ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ทาง www.wallstreet.in.th
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
พรพรรณ ฉวีวรรณ
ชม ครีเอทีฟ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส เอเจนซี่