กองทุนนี้เหมาะสำหรับ ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งตราสารที่ลงทุนจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า อัตราผลคตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 25-30 bp จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.00% อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องของระบบการเงินในประเทศยังมีสูงมาก หลังจากกองทุนเกาหลีใต้เริ่มทยอยครบกำหนดไถ่ถอน และการลงทุนต่อในต่างประเทศลดลง ในเวลาเดียวกันปริมาณตราสารหนี้ของภาคเอกชนเริ่มมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศไม่ปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาครัฐ
ส่วนภาวะการลงทุนในต่างประเทศค่อนข้างมีความผันผวนตามค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหาการจัดการหนี้สาธารณะของกรีซส่งผลต่อการอ่อนค่าของเงินยูโร ปัญหาเงินเฟ้อและการออกมาตรการชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียส่งผลให้มีความต้องการถือครองดอลล่าร์สหรัฐฯ มากขึ้น ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลบาทและสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค และมีผลในเชิงลบต่อต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงทำให้แนวโน้มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ต่างประเทศในรูปสกุลบาทหลังปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจึงมีความผันผวน ดังนั้น การลงทุนในช่วงเวลานี้ จึงเหมาะสมหรับการลงทุนเพื่อล็อคผลตอบแทนไว้
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 ดือน 3 ( KTSIV6M3 ) เสนอขายถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2554 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 57% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารทิสโก้ และธนาคารไอซีบีซี อีกจำนวน 43% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี