ธุรกิจประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ

พฤหัส ๒๓ มิถุนายน ๒๐๑๑ ๑๑:๐๒
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่องในกลุ่มประเทศอาหรับ (Arab Spring*) เป็นระยะเวลาหกเดือนธุรกิจทั่วโลกต่างเริ่มประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ

รายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติของแกรนท์ ธอร์นตัน ฉบับล่าสุด หรือ The 2011 Grant Thornton International Business Report (IBR) รายงานว่าในขณะที่กลุ่มประเทศอาหรับยังคงประสบกับความไม่มั่นคงทางการเมืองนั้น กว่าหนึ่งในห้า (22%) ของธุรกิจเอกชนทั่วโลกกล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบในด้านลบต่อธุรกิจของตน ซึ่งธุรกิจเอกชนที่มีทัศนคติเช่นนี้มีจำนวนสูงสุดในอเมริกาเหนือ โดยหนึ่งในสี่ (26%) ของธุรกิจเอกชนในอเมริกาเหนือระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบในด้านลบต่อธุรกิจของตน อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามว่าสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อแผนธุรกิจของบริษัทในกลุ่มประเทศอาหรับหรือไม่ มีเพียง 10% ของธุรกิจทั่วโลกที่ระบุว่ามีแนวโน้มลดลงในการทำธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ แกรนท์ ธอร์นตัน เชื่อว่าแม้จะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ธุรกิจเอกชนควรเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจอีกมากในอนาคตในกลุ่มประเทศอาหรับ

เอ็ด นุสบอม ประธานกรรมการบริหาร แกรนท์ ธอร์นตัน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “ปฏิกิริยาตอบรับของธุรกิจเอกชนในอเมริกาเหนือที่มีต่อเหตุการณ์ความไม่สงบในกลุ่มประเทศอาหรับนั้นคล้ายคลึงกับของธุรกิจเอกชนทั่วโลก ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบในด้านลบอย่างมีนัยสำคัญและเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อธุรกิจที่ต้องติดต่อกับกลุ่มประเทศอาหรับเป็นประจำ ดังนั้นผลกระทบในวงกว้างของเหตุการณ์ดังกล่าวผนวกกับความวิตกกังวลต่อราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจึงไม่ได้มีส่วนช่วยในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ประสบปัญหาอยู่ และเมื่อสถานการณ์ในประเทศเยเมนและซีเรียดูเหมือนว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จึงมีแนวโน้มว่าธุรกิจเอกชนจะต้องเริ่มประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้”

“ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ธุรกิจเอกชนต่างประสบปัญหาหลากหลายประการ โดยเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในกลุ่มประเทศอาหรับ ซึ่งราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานและการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ธุรกิจต่างรับรู้ได้ถึงผลกระทบโดยตรงต่อการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากเส้นทางการกระจายสินค้า (Supply Route) ระหว่างประเทศเหล่านี้ได้รับผลกระทบ โดยรัฐบาลในประเทศกลุ่มอาหรับให้ความสำคัญต่อปัญหาทางการเมืองมากกว่าการทำธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่นประเทศตุรกี ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดย 36% ของธุรกิจในตุรกีระบุว่าสามารถรับรู้ถึงผลกระทบด้านลบจากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว ทั้งนี้เนื่องจากตะวันออกกลางเป็นตลาดสำคัญในการส่งออกของตุรกี”

“แม้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในกลุ่มประเทศอาหรับจะส่งผลกระทบในปัจจุบัน แต่ภาพรวมในอนาคตของภูมิภาคดังกล่าวยังมีโอกาสที่รุ่งเรืองรอคอยอยู่ โดยธุรกิจจำนวนมากยังไม่คิดว่าเหตุการณ์ความไม่สงบ ณ ปัจจุบันจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายกิจการหรือการลงทุนในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือในอนาคต และเนื่องจากกลุ่มประเทศอาหรับยังคงเปิดรับการลงทุนจากภายนอกอย่างต่อเนื่อง ภูมิภาคนี้จึงจะกลายเป็นศูนย์กลางของโอกาสในการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะยาว ซึ่งธุรกิจควรมองว่ากลุ่มประเทศอาหรับเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสทางธุรกิจอย่างแท้จริง และเป็นที่แน่นอนว่าจะเป็นภูมิภาคที่แกรนท์ ธอร์นตัน จะจับตามองอย่างใกล้ชิดในสองสามปีนี้”

หมายเหตุ

รายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติของแกรนท์ ธอร์นตัน หรือ Grant Thornton International Business Report (IBR) นำเสนอทัศนคติและความคาดหวังของกว่า 11,000 ธุรกิจจาก 39 กลุ่มประเทศเศรษฐกิจในแต่ละปี โดยเป็นการสำรวจที่มีลักษณะเฉพาะคือมีการนำผลการสำรวจจากปีที่ผ่านๆ มามาจัดทำแนวโน้มข้อมูลซึ่งรวมถึง 19 ปีจากหลายประเทศในยุโรป

และ 9 ปีจากหลายประเทศนอกเหนือทวีปยุโรป ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.internationalbusinessreport.com

การเก็บข้อมูลการสำรวจนั้นจัดทำผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เป็นหลัก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น (จัดทำผ่านทางไปรษณีย์), ฟิลิปปินส์และอาร์เมเนีย (จัดสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว), จีนและอินเดีย (ใช้ทั้งวิธีตัวต่อตัวและทางโทรศัพท์) เนื่องด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมเป็นองค์ประกอบในการเข้าถึงผู้ร่วมการสำรวจ ทั้งนี้ การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ช่วยให้แกรนท์ ธอร์นตัน สามารถจัดทำการสัมภาษณ์ได้ตามจำนวนครั้งที่ตั้งไว้ และมั่นใจได้ว่าผู้ที่เข้าร่วมการสำรวจส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารที่ทำงานในองค์กรที่อยู่ในเกณฑ์การสำรวจที่กำหนดไว้

การเก็บข้อมูลนั้น บริหารจัดการโดยบริษัทวิจัยที่มีชื่อว่า Experian Business Strategies ซึ่งจัดทำการแปลแบบสอบถามเป็น ภาษาของแต่ละประเทศ โดยนอกเหนือจากคำถามหลักแล้ว แต่ละประเทศสามารถเพิ่มเติมคำถามที่สำคัญหรือเจาะจงเกี่ยวกับประเทศตนเองได้ และจากปี 2011 เป็นต้นไป จะมีการเก็บข้อมูลทุกไตรมาสซึ่งการเก็บข้อมูลแต่ละครั้งจะใช้เวลาราว 1 เดือนครึ่ง

กลุ่มตัวอย่างIBR เป็นการสำรวจทัศนคติของธุรกิจเอกชนที่มีขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ สำหรับผลสำรวจเรื่องการประเมินผลกระทบต่อธุรกิจจากเหตุการณ์ความไม่สงบในกลุ่มประเทศอาหรับครั้งนี้ได้มาจากการสัมภาษณ์บริษัทจำนวน 2,697 รายทั่วโลก ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2554

กลุ่มตัวอย่างได้แก่ผู้บริหารในระดับประธานกรรมการบริษัท กรรมการบริหาร ประธาน และผู้บริหารอาวุโส (ชื่อตำแหน่งนั้นอาจแตกต่างกันตามความเหมาะสมในแต่ละประเทศ) จาก 39 กลุ่มประเทศเศรษฐกิจ ใน 5 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ การผลิต (25%), การบริการ (25%), ค้าปลีก (15%) และการก่อสร้าง (10%) โดยอีก 25% เป็นการสำรวจในอุตสาหกรรมอื่นๆ

กลุ่มตัวอย่างในทุกประเทศส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารที่มาจากอุตสาหกรรมข้างต้นที่กล่าวมา แต่ในบางประเทศก็จะมีการนำเสนอข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่แตกต่างไปโดยมีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า ทั้งนี้จำนวนของกลุ่มตัวอย่างต้องมีมากเพียงพอด้วย

กลุ่มเศรษฐกิจ/ภูมิภาค ประเทศที่ได้รับการสำรวจในIBR

เอเชีย-แปซิฟิก(APAC) ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, อินเดีย, ญี่ปุ่น, จีน, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, เวียดนาม

กลุ่มประเทศอาเซียน มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย, เวียดนาม

BRIC บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน

สหภาพยุโรป(EU) เบลเยียม, เดนมาร์ค, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, ไอร์แลนด์, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, สเปน, สวีเดน, สหราชอาณาจักร

G7 แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา

ละตินอเมริกา อาร์เจนตินา, บราซิล, ชิลี, เม็กซิโก

นอร์ดิค เดนมาร์ค, ฟินแลนด์, สวีเดน

อเมริกาเหนือ แคนาดา, สหรัฐอเมริกา

*การเดินขบวนและการประท้วงในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือเริ่มต้นเมื่อเดือนธันวาคม 2553

เกี่ยวกับ แกรนท์ ธอร์นตัน ประเทศไทย

แกรนท์ ธอร์นตัน ประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงธุรกิจในฐานะบริษัทที่ปรึกษาและให้บริการอย่างมืออาชีพระดับแนวหน้าของประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2534 มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาแก่บริษัทต่างๆ ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี พ.ศ. 2540 โดยใช้วิธีการปรับโครงสร้างหนี้ การลดค่าใช้จ่าย และการปรับปรุงแผนธุรกิจ รวมถึงดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าขยายธุรกิจผ่านการควบรวมและมองหาโอกาสในการขยายกิจการ ทั้งนี้ การให้บริการของแกรนท์ ธอร์นตัน ครอบคลุมถึง การให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ การตรวจสอบบัญชีทั้งภายในและภายนอกองค์กร การให้คำปรึกษาทางภาษีทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ การให้คำปรึกษาด้านการเงิน การปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมกิจการ งานด้านกฏหมายและการสืบสวน การบริหารความเสี่ยง การประเมินราคาทรัพย์สินสุทธิทางการเงินและภาษีก่อนที่จะทำการซื้อขายกิจการ ความช่วยเหลือด้านการโอนเงิน การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ การแนะกลยุทธ์ให้บริษัทในการออกจากธุรกิจเพื่อถอนทุนคืน การจัดหาบุคลากรระดับผู้บริหาร การเตรียมการเพื่อถ่ายโอนกิจการ และการพิจารณาผลตอบแทน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แกรนท์ ธอร์นตัน ประเทศไทย กรุณาค้นหาที่เว็บไซต์ www.grantthornton.co.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ