แพทย์หญิงวิวรรณ นิติวรางกูร กรรมการบริษัท รัชวิภา เอ็มอาร์ไอ เซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์ เปิดให้บริการเป็นปีที่ 4 แล้ว นับเป็นศูนย์รังสีวินิจฉัยครบวงจรที่ได้รับการยอมรับอย่างมากในประเทศไทย เนื่องจากมีเครื่องมือที่ทันสมัย มีทีมรังสีแพทย์และนักรังสีเทคนิคที่ผ่านการอบรมจากสถาบันชั้นนำและมีความชำนาญเฉพาะทางสูง สถานที่กว้างขวางสะดวกสบาย ประกอบกับการบริการที่ได้มาตรฐานสากลในราคาที่คุ้มค่าและแข่งขันได้ ทำให้ได้รับความไว้วางใจทั้งจากแพทย์ สถานพยาบาล และผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราเติบโตของธุรกิจเฉลี่ย 15% ต่อปี นับตั้งแต่ปีแรกที่เปิดดำเนินการ”
แพทย์หญิงวิวรรณ กล่าวอีกว่า “สิ่งที่ทำให้ รัชวิภา เอ็ม อาร์ ไอ เซ็นเตอร์ โดดเด่นก็คือ
การเป็นศูนย์รังสีวินิจฉัยที่มีความพร้อมทั้งด้านเครื่องมือและบุคลากร ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนกลยุทธ์ Spider Pattern Plan หรือ แมงมุม 8 ขา ของศูนย์ฯ ทั้งนี้ ตัวแมงมุม คือ การที่ทางศูนย์ฯ ได้รับการรับรองคุณภาพ ISO 9001—2008 ส่วนใยแมงมุม คือ เครือข่ายต่างๆ ของศูนย์ ทั้งในด้านเครือข่ายระหว่างทีมแพทย์อ่านผล รวมไปถึงเครือข่ายสถานพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนที่สามารถส่งคนไข้เข้ามารับการตรวจได้ โดยมีระบบการส่งผลการตรวจแบบออนไลน์ถึงสถานพยาบาลต้นทาง”
สำหรับขาทั้ง 8 ขา ได้แก่ 1) ทำเลที่ตั้งที่เดินทางเข้าออกได้สะดวก 2) ความพร้อมด้านเทคโนโลยีที่ครบครัน ทั้ง MRI และ CT Scan, ดิจิตอล แมมโมแกรม, อัลตราซาวน์ เครื่องตรวจวัดมวลกระดูก ซึ่งล้วนเป็นเครื่องรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพ ประมวลผลได้รวดเร็วและให้ความแม่นยำสูง โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับมอบเครื่อง MRI รุ่น AVANTO เครื่องที่ 2 จาก SIEMENS มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นรุ่นที่มีเทคโนโลยีสูงในขณะนี้ มีเพียงโรงพยาบาลชั้นนำไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่มีเครื่องรุ่นดังกล่าว 3) ทีมแพทย์ที่สามารถอ่านผลแบบเฉพาะทาง 4) ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ MRI 5) มาตรฐานด้านความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย 6) บริการที่อบอุ่นและเป็นกันเอง 7) ค่าบริการที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่า 8) มีระบบสารสนเทศที่ทันสมัยทั้งระบบ RIS บริหารจัดการเก็บข้อมูล และระบบPACS ที่ใช้ในการจัดเก็บและรับส่งข้อมูลภาพทางการแพทย์เพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการแปลผล
แพทย์หญิงวิวรรณ กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ว่า “จากเดิมลูกค้าที่มารับบริการ MRI ส่วนใหญ่จะเน้นการตรวจเพื่อรับทราบผลวิเคราะห์ก่อนไปรักษาจริงกับแพทย์ แต่ต่อไปทางศูนย์ฯ จะเน้นทำตลาดการตรวจสุขภาพมากขึ้น โดยส่งเสริมให้การตรวจ MRI เป็นส่วนสำคัญในการตรวจสุขภาพ เพื่อให้ผู้ใช้บริการทราบถึงข้อบกพร่องของอวัยวะต่างๆ หรือสามารถประเมินปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคได้ เช่น การตรวจ MRI เพื่อดู สมอง อวัยวะในช่องท้อง ฯลฯ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการก่อน หรือการตรวจ ดิจิตอล แมมโมแกรม สำหรับผู้หญิง เพื่อวิเคราะห์หามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรก เป็นต้น โดยตั้งเป้าจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มตรวจสุขภาพให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 15% ของภาพรวมทั้งหมด”
“เรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดบริการสุขภาพว่ามีแนวโน้มความต้องการที่สูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันแพทย์สมัยใหม่มีความรู้ความเข้าใจในการใช้เครื่อง MRI มากขึ้นและมีการใช้อย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม เครื่อง MRI ราคาแพงมาก การที่สถานพยาบาลแต่ละแห่งจะมีไว้ประจำจึงไม่คุ้ม แต่ในฐานะที่เป็นศูนย์ตรวจที่มี MRI ถึง 2 เครื่อง ซึ่งสามารถตรวจได้ทั้งร่างกายและตรวจแบบเจาะลึกทีละส่วน เราสามารถรองรับความต้องการดังกล่าวได้ ไม่ต้องรอคิวนาน ค่าใช้จ่ายไม่สูง ผู้บริโภคเองก็ได้รับรู้มากขึ้นว่าการตรวจ MRI ไม่ใช้รังสีเอ็กซ์ในการตรวจ จึงไม่เกิดอันตรายต่อร่างกายหรือเป็นเรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไป นอกจากนี้ ศูนย์ตรวจรังสีวินิจฉัยที่เจาะตลาดการตรวจสุขภาพประจำปีมีไม่มากทั้งที่เป็นตลาดที่ใหญ่มาก เพราะปัจจุบันคนทั่วไปต่างมีปัจจัยเสี่ยงสูงในการเกิดโรคภัย หากได้รับการตรวจวิเคราะห์ไว้ก่อน จะเป็นประโยชน์ในเชิงป้องกันโรค”
“กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตรวจสุขภาพดังกล่าว ได้แก่ ผู้บริหารและผู้ประกอบการที่มีภาวะความเครียดและความเสี่ยงสูง รวมถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีรายได้สูงหรือมีสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปี อวัยวะที่แนะนำให้ตรวจด้วยเครื่อง MRI ได้แก่ สมอง ช่องท้อง กระดูกสันหลัง เป็นต้น ทั้งนี้ ศูนย์ฯ ตั้งเป้าการเติบโตในปี 2554 นี้ไว้ที่ 20% คาดว่าการลงทุนซื้อเครื่อง MRI เครื่องที่ 2 จะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 3-5 ปี”
“สำหรับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจระยะยาวนั้น บริษัทฯ จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อก้าวเป็นผู้นำด้านศูนย์รังสีวินิจฉัยที่มีความพร้อมทั้งด้านเครื่องมือและบุคลากรสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” แพทย์หญิงวิวรรณ กล่าว