เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2544 คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา โดยมีนายวิทวัส บุญญสถิตย์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม พร้อมคณะ เดินทางมาเยี่ยมกรมสรรพสามิต พร้อมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับคณะผู้บริหารของกรมสรรพสามิต โดยมี นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตให้การต้อนรับ
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าในปีงบประมาณ 2554 กรมสรรพสามิตได้กำหนดให้เป็น “ปีแห่งความโปร่งใส” โดยมีเป้าหมาย คือ สร้างมาตรฐาน ความชัดเจน และลดภาระของผู้ประกอบการ รวมถึงสร้างความเป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งมีแผนการดำเนินงาน ดังนี้
1. การปรับปรุงกฎระเบียบภายใต้กฎหมายสรรพสามิต ให้มีความชัดเจนรัดกุมมากยิ่งขึ้น
2. การเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กล่าวคือ
(1) การบูรณาการงานตรวจสอบภาษี Pre Audit และ Post Audit
(2) การจัดทำคู่มือ Pre Audit และ Post Audit เพื่อกำหนดมาตรฐานในการจัดเก็บภาษีของสำนักงานสรรพสามิต
พื้นที่ทั่วประเทศให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
(3) การศึกษา Business Process เชิงลึกของแต่ละอุตสาหกรรม
(4) การปรับปรุงวิเคราะห์แบบรายการเสียภาษีให้เป็นมาตรฐาน
(5) การสร้างมาตรฐานในการกำหนดโครงสร้างราคา ณ โรงงานอุตสาหกรรม
3. การอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี ให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องและมีต้นทุนที่ต่ำที่สุด รวมถึงเพื่อสร้างความเป็นธรรมและความเสมอภาคให้แก่ผู้เสียภาษีสรรพสามิตทุกราย กล่าวคือ
(1) การลดขั้นตอน / ลดเอกสารในการให้บริการ
(2) การเปิดเผยข้อมูล
(3) การคุ้มครองสิทฺธิผู้เสียภาษี
อธิบดีกรมสรรพสามิต ยังกล่าวต่อว่า สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตใน 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 (ตุลาคม 2553 — มิถุนายน 2554) กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้ 315,280 ล้านบาท สูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน 9,035 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2.95 (ปีก่อนจัดเก็บได้ 306,245 ล้านบาท) แต่ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณเล็กน้อย จำนวน 322,907 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.36 เนื่องจากมีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทางด้านผลการปราบปรามผู้กระทำความผิดกฎหมายสรรพสามิตใน 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 (ตุลาคม 2553 — มิถุนายน 2554) กรมสรรพสามิตสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้รวม 31,735 ราย และคิดเป็นค่าปรับจำนวน 401.86 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดังกล่าว คณะกรรมาธิการฯ ได้เห็นด้วยกับแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต สุราและยาสูบ เพื่อช่วยคุ้มครองสุขภาพของประชาชน รวมถึงแผนสรรพสามิตสีเขียว เพื่อใช้ภาษีเป็นเครื่องมือหนึ่งในการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
กรมสรรพสามิตจะมุ่งสร้างความโปร่งใสและมาตรฐานให้แก่ระบบภาษี ส่งเสริมความยั่งยืนทางเศรษฐกิจของประเทศ สนับสนุนการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มีคุณภาพ รวมถึงพัฒนาการดำเนินงานเพื่อก้าวสู่อนาคตพร้อมกับๆ การเจริญเติบโตของประเทศ อันนำไปสู่วิสัยทัศน์ “องค์กรพลวัตเพื่อการจัดเก็บภาษีที่มีมาตรฐานสากล ปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อม”อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวในตอนท้าย