ชาติอาเซียนร่วมผนึกกำลังแก้ปัญหาภาระด้านเศรษฐกิจและสังคมที่มาจากโรคมะเร็ง

อังคาร ๑๒ กรกฎาคม ๒๐๑๑ ๑๑:๕๗
มูลนิธิอาเซียน (ASEAN Foundation) จัดการประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านโรคมะเร็งประจำภูมิภาคอาเซียน (First ASEAN Cancer Stakeholders Forum) ขึ้นเป็นครั้งแรกในวันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งแก้ปัญหาอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งที่เพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาค พร้อมเริ่มต้นการศึกษาในระยะที่สองเพื่อมุ่งรวบรวมข้อมูลในด้านภาระทางเศรษฐกิจและสังคมอันเนื่องมาจากโรคมะเร็งใน 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน

การเรียกร้องบรรดาผู้นำในภูมิภาคและผู้วางแผนนโยบายให้เริ่มดำเนินการ

ในการปราศรัยครั้งสำคัญในการประชุม ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ให้ความเห็นว่าการจัดประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านโรคมะเร็งประจำภูมิภาคอาเซียนนับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจคนสำคัญจากภาครัฐบาล เหล่าผู้เชี่ยวชาญชั้นนำทั้งในระดับภูมิภาคและนานาประเทศ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มารวมตัวกันโดยมีจุดประสงค์ร่วมกันในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการรักษาและค่าใช้ จ่ายของโรคมะเร็ง

“แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งที่เพิ่มมากขึ้น ในไม่ช้าจะก่อให้เกิดภาระทางเศรษฐกิจอันมหาศาลและเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ต่อทั้งผู้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วยในภูมิภาคอาเซียน จากการที่อัตราการเกิดโรคมะเร็งยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเตรียมความพร้อมของชาติอาเซียน และกระตุ้นให้มีนโยบายด้านการดูแลสุขภาพเชิงกลยุทธ์ ที่เน้นการควบคุมโรคมะเร็งอย่างจริงจัง นโยบายที่ว่านี้จะต้องรองรับด้วยแผนการป้องกันโรคมะเร็งโดยใช้ข้อมูลหลักฐาน (evidence-based) ซึ่งได้รับการวางแผนจัดการมาเป็นอย่างดี และได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลของฝ่ายทะเบียนผู้ป่วยและฐานข้อมูลประชากรที่สามารถเชื่อถือได้” ดร.สุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติม

ดร.สุรินทร์ ยังได้เน้นย้ำว่าหากการระบาดของโรคมะเร็งในภูมิภาคอาเซียนไม่ได้รับการดำเนินการแก้ไขอย่างทันท่วงทีในขณะนี้ ก็เป็นไปได้ที่โรคมะเร็งจะส่งผลร้ายแรงต่อระบบสาธารณสุขที่ไม่มีการเตรียมตัวที่ดีของภูมิภาคนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะเป็นการบั่นทอนเศรษฐกิจของภูมิภาคได้

การศึกษาครั้งสำคัญว่าด้วยภาระอันเนื่องมาจากโรคมะเร็ง

ด้วยการเล็งเห็นผลกระทบของโรคมะเร็งที่มีต่อระบบสาธารณสุขของภูมิภาคอาเซียน มูลนิธิอาเซียนจึงได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มความตระหนักในภาระอันเกิดจากโรคมะเร็งที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งเร่งให้มีการดำเนินการทางการเมืองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อปัญหาโรคร้ายดังกล่าว ในการประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านโรคมะเร็งประจำภูมิภาคอาเซียนได้มีการจัดการศึกษาครั้งสำคัญในหัวข้อ “ภาระที่เกิดจากโรคมะเร็ง และผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีต่อประเทศในภูมิภาคอาเซียน” การศึกษาในครั้งนี้เป็นโครงการความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีเป้าหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลด้านระบาดวิทยาของโรคมะเร็งในภูมิภาค ซึ่งไม่เคยมีข้อมูลดังกล่าวมาก่อน นอกจากนี้ จะพยายามเจาะศึกษาข้อมูลในด้านภาระเชิงเศรษฐกิจและสังคมจากโรคมะเร็งที่มีต่อผู้ป่วย และครอบครัวของผู้ป่วยในทั้ง 10 ชาติอาเซียน

“เพื่อเผชิญหน้ากับวิกฤตโรคมะเร็ง เราไม่เพียงต้องอาศัยการตอบสนองในทิศทางเดียวกันจากรัฐบาลในภูมิภาคอาเซียน แต่ยังต้องใช้ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐบาลในการร่วมกันออกแบบและนำแผนการควบคุมโรคมะเร็งที่ครอบคลุมมาใช้อย่างจริงจัง” ดร. มาการิม วิบิโซโน่ ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน กล่าว

“เราหวังว่าการศึกษาในครั้งนี้จะช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจในภูมิภาคอาเซียนจากหลากหลายระดับสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบด้วยข้อมูลที่มีมากขึ้นในด้านนโยบายการควบคุมโรคมะเร็ง รวมทั้งการจัดสรรทรัพยากร ในการประชุมวันนี้เราหวังว่าจะเป็นการเสริมความสามารถให้กับประเทศสมาชิกในการวางแผน และพัฒนาแผนการควบคุมโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ จากการที่ผู้เข้าร่วมการประชุมจะได้มีโอกาสในการรับฟังข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจากระดับนานาชาติและระดับภูมิภาคที่มากด้วยประสบการณ์อันกว้างขวางในการนำแผนการควบคุมโรคมะเร็งมาปฏิบัติใช้และประเมินผล” ดร. วิบิโซโน่ กล่าวเสริม

มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม สองเพชฌฆาตร้ายในอาเซียน

พร้อมกันนี้ ในการประชุมยังได้มีการนำเสนอผลการศึกษาส่วนแรกที่ใช้ระยะเวลาศึกษารวมทั้งสิ้นสองปีให้กับบรรดาผู้เข้าร่วมประชุม ทำให้ทุกคนได้เห็นภาพรวมในด้านอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งในภูมิภาคอาเซียน ในการนำเสนอข้อมูลครั้งนี้ ศาสตราจารย์ มาร์ค วูดวาร์ด จากสถาบันจอร์จเพื่อสุขภาพนานาชาติ (The George Institute for International Health) จากนครซิดนีย์ กล่าวว่ามีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่จำนวนถึง 7 แสนรายในประเทศอาเซียนในปี 2551 และมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งจำนวนกว่า 5 แสนรายในปีเดียวกัน

“โรคมะเร็งปอด เป็นโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้ชายมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยโรคมะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนในบรรดาผู้หญิง สามอันดับแรกของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งนั้นมาจากโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูก อย่างไรก็ดี ยังมีความแปรผันตามเขตภูมิศาสตร์ระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ตัวอย่างเช่น อัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านมในประเทศอินโดนีเซียพบว่ามีสูงกว่าในประเทศลาวและเวียดนามโดยประมาณถึง 3 เท่า ขณะที่อัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในประเทศเวียดนามพบว่าสูงกว่าในประเทศลาว ฟิลิปปินส์ และประเทศไทยถึง 4-5 เท่า จึงจำเป็นต้องทำการศึกษาวิจัยเพื่อเข้าใจเหตุผลต่างๆ ที่อธิบายความแปรผันเหล่านี้” ดร. วูดวาร์ด กล่าวเสริม

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านโรคมะเร็งประจำภูมิภาคอาเซียนต่างเห็นด้วยกับการเรียกร้องให้มีการดำเนินการของดร. วูดวาร์ด โดยได้ให้คำมั่นในการผสานความร่วมมืออย่างแน่น แฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อสนับสนุนการศึกษาเกี่ยวกับโรคมะเร็ง

“การประสานงานร่วมกันเท่านั้นคือวิธีการที่จะทำให้เราตระหนักว่าโรคมะเร็งเป็นปัญหาท้าทายด้านสุขภาพสำหรับอนาคตอันใกล้นี้ และจะได้รับการแก้ปัญหาอย่างจริงจังเนื่องจากเป็นประเด็นสำคัญด้านการพัฒนา สุขภาพ และความเท่าเทียมกันในภูมิภาคอาเซียน” ดร. วิบิโซโน่ กล่าวในช่วงสุดท้ายของการประชุม

เกี่ยวกับการศึกษาโรคมะเร็งในภูมิภาคอาเซียน

การศึกษาด้านโรคมะเร็งครั้งสำคัญในภูมิภาคอาเซียน (The ASEAN Cancer Landmark Study) เป็นโครงการความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลด้านระบาดวิทยาของโรคมะเร็งในภูมิภาคซึ่งไม่เคยมีข้อมูลดังกล่าวมาก่อน นอกจากนี้ จะพยายามเจาะลึกข้อมูลในด้านภาระเชิงเศรษฐกิจและสังคมจากโรคมะเร็งที่มีต่อผู้ป่วย และครอบครัวของผู้ป่วยในทั้ง 10 ชาติในภูมิภาคอาเซียน การศึกษาในครั้งนี้มีระยะเวลาตามแผนการศึกษาที่ 2 ปี หรือมากกว่า โดยจะครอบคลุมไปถึงผู้ป่วยมากกว่า 10,000 รายใน 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด โดยมุ่งหวังที่จะเสริมความสามารถให้กับประเทศสมาชิกในการวางแผน และพัฒนาแผนการควบคุมโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ รวมทั้งสร้างแบบจำลองเพื่อเป็นแนวทางในด้านสาธารณสุข และการจัดลำดับความสำคัญ การศึกษาด้านโรคมะเร็งครั้งสำคัญในภูมิภาคอาเซียน ดำเนินการโดยสถาบันจอร์จเพื่อสุขภาพนานาชาติ และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบจากเงินทุนแบบไม่จำกัดจากบริษัท โรช (เอเชีย แปซิฟิก)

เกี่ยวกับมูลนิธิอาเซียน

มูลนิธิอาเซียนก่อตั้งขึ้นโดยผู้นำอาเซียนในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2540 ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของการก่อตั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้เกิดความเจริญก้าวหน้าและอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกันระหว่าง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไน ดารุสซาลาม, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, พม่า, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ ไทย และ เวียดนาม วัตถุประสงค์สองระดับของการก่อตั้งมูลนิธิอาเซียนนั้นได้บ่งบอกไว้ในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งมูลนิธิอาเซียนไว้ดังนี้

ส่งเสริมความตระหนักในความเป็นอาเซียนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนในภูมิภาคอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของอาเซียนในระดับที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะผ่านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่จะช่วยให้ประชาชนในภูมิภาคตระหนักถึงศักยภาพ และความสามารถเพื่อเอื้อต่อการพัฒนาของกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การอาเซียนในฐานะที่เป็นกลุ่มประเทศที่มีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบของสังคมทุ่มเทความพยามเพื่อสนับสนุนด้านกลยุทธ์ความร่วมมือในการพัฒนา ที่ส่งเสริมการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมกัน และการบรรเทาปัญหาความยากจน

เกี่ยวกับสถาบันจอร์จเพื่อสุขภาพนานาชาติ

สถาบันจอร์จเพื่อสุขภาพนานาชาติ (The George Institute for International Health) เป็นหน่วยงานด้านการวิจัยด้านสุขภาพที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายจากนานาประเทศ ซึ่งได้ดำเนินการวิจัยต่างๆ ในด้านสาธารณสุขที่มีผลกระทบเป็นวงกว้าง ทางสถาบันฯ เป็นพันธมิตรร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งซิดนีย์ (University of Sydney) และยังเป็นผู้นำในด้านการศึกษาวิจัยทางคลินิก นโยบายด้านสุขภาพ รวมทั้งด้านการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากร สถาบันฯ มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในสาขาวิจัยต่างๆ อยู่ทั่วโลก รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในด้านการออกแบบการวิจัย การบริหารจัดการโครงการ และการวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติ จากการที่ได้รับการยอมรับจากบรรดาผู้กำหนดนโยบายระดับโลก สถาบันฯ จึงได้รับเงินทุนสนับสนุนจากภาครัฐ องค์กรการกุศล และองค์กรเอกชนต่างๆ ผลงานศึกษาของสถาบันจอร์จยังได้รับการตีพิมพ์อย่างสม่ำเสมอในวารสารวิชาการชั้นนำระดับโลก

เกี่ยวกับ โรช

โรช เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพชั้นนำของโลก ที่มุ่งเน้นด้านการค้นคว้าวิจัยยาและการวินิจฉัยโรค มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เมืองบาเซล ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในฐานะบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โรชมีเวชภัณฑ์อันโดดเด่นในด้านการรักษาโรคมะเร็ง ไวรัสวิทยา การอักเสบ ความผิดปกติของระบบเมตะบอลิซึ่ม และโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง นอกจากนี้ โรชยังเป็นผู้นำของโลกในด้านการวินิจฉัยในหลอดทดลอง (in-vitro diagnostics) และการวินิจฉัยโรคมะเร็งจากเนื้อเยื่อ รวมทั้งเป็นผู้นำในด้านการจัดการโรคเบาหวาน กลยุทธ์ด้านการรักษาเฉพาะบุคคลของโรชมีเป้าหมายเพื่อใช้เวชภัณฑ์ และเครื่องมือในการวินิฉัยเพื่อช่วยให้เกิดผลที่ดีต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต และการอยู่รอดของผู้ป่วย ในปี 2553 โรชมีบุคลากรกว่า 80,000 คนทั่วโลก และได้ใช้งบลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาประมาณ 9 พันล้านฟรังก์สวิส กลุ่มบริษัทโรช สร้างยอดขายมูลค่า 47.5 พันล้านฟรังก์สวิส นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เข้าซื้อกิจการของจีเนนเทค รวมทั้งเข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัทชูไก ประเทศญี่ปุ่น ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถค้นได้จากเว็บไซต์ www.roche.com.

สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:ศรน์โศภิน พุทธชาติเสวี

ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน (ประเทศไทย) จำกัด

โทร: 0-2627-3501 ต่อ 101

อีเมล: [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version