นายภาสุร์ เตียวตรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท เลอ รัฟฟิเน่ 24 จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มของตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะกลุ่ม ไฮเอนด์ ลักชัวรี่ คอนโดมิเนี่ยม (High-end Luxury Condominium) ว่า ตลาดเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังการเลือกตั้งที่เป็นไปอย่างเรียบร้อยและจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจในการลงทุนและซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย ปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาฯ และคอนโดมิเนี่ยม นอกจากนั้นยังคาดว่าธุรกิจอสังหาฯ จะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้น
ในส่วนของโครงการ เลอ รัฟฟิเน่ ชมพูทวีป สุขุมวิท 39 ซึ่งเป็นที่พักอาศัยในกลุ่มไฮเอนด์ (High-end) นั้นปิดโครงการเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากทางโครงการฯ มีการวางกลยุทธ์การตลาดในการกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า โดยร่วมมือกับ บริษัท ฆราปนิก จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทสถาปนิกชื่อดัง มาทำการออกแบบสร้างจุดขายใหม่ให้กับห้องชุดล็อดสุดท้าย ซึ่งแต่ละห้องชุดนั้นจะมีรูปแบบและการตกแต่งเฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน เพื่อเหมาะสมกับความต้องการของเจ้าของห้อง ผลงานของฆราปนิกสามารถสร้างความพอใจและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถปิดการขายห้องชุดล็อดสุดท้ายได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากจุดขายใหม่ดังกล่าวจะทำให้โครงการฯ ประสบความสำเร็จแล้ว อีกปัจจัยสนับสนุนสำคัญก็คือมูลค่าของโครงการและห้องชุดที่เพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด เนื่องจากโครงการ เลอ รัฟฟิเน่ ชมพูทวีป สุขุมวิท 39 อยู่บนทำเลกลางใจเมือง เดินทางสะดวก จำนวนห้องชุดไม่มาก ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง ทั้งยังใกล้แหล่งช็อปปิ้งและมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม ล่าสุดจากการประเมินของกรมธนารักษ์พบว่า ราคาของที่ดินในเขตสุขุมวิท และ ราคาพื้นที่ต่อตารางเมตรของโครงการต่างๆ ในเขตนี้มีแนวโน้มที่จะขยับสูงขึ้นอีก เนื่องจากทีดินเปล่าสำหรับสร้างโครงการที่พักอาศัยบริเวณใจกลางเมืองโดยเฉพาะในเขตสุขุมวิทมีจำนวนน้อยลงจนในอนาคตไม่สามารถสร้างโครงการที่พักอาศัยขนาดใหญ่ได้อีก
สำหรับ โครงการ เลอ รัฟฟิเน่ ชมพูทวีป สุขุมวิท 39 นั้น กรมธนารักษ์ได้ประเมิณราคาในปี 2553 ไว้ว่ามีราคาประเมิณระหว่าง 172,100 ถึง 224,500 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งสูงกว่าโครงการอื่นของเลอ รัฟฟิเน่ สำหรับกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนั้นเป็นคนไทย 51 % และชาวต่างชาติ 49 % ซึ่งซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อให้เช่า สามารถสนองความต้องการของตลาดเช่าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้เช่าชาวต่างชาติที่เป็นผู้ชำนาญการ ซึ่งเข้ามาทำงานในไทย หรือ เจ้าหน้าที่จากสถานฑูตต่างๆ
สำหรับแผนงานในอนาคตนั้น เลอ รัฟฟิเน่ วางแผนการจัดทำโครงการใหม่ไว้ 2 โครงการ โดยโครงการแรกจะเป็น ลักชัวรี่ คอนโดมิเนี่ยม ในทำเลสุขุมวิทเช่นเดิม เพราะยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าจำนวนมาก แต่ขนาดของโครงการจะมีขนาดห้องชุดที่ย่อส่วนลง เนื่องจากที่ดินขนาดใหญ่ในสุขุมวิทใกล้เมืองหายากและมีราคาค่อนข้างสูง ส่วนโครงการที่สองจะเป็นโครงการคอนโดมิเนี่ยมตากอากาศชะอำและหัวหิน ในรูปแบบอาคารสูง 6-8 ชั้น (Low rise) บนที่ดินที่ถือครองไว้นานแล้ว โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มผู้ต้องการมีบ้านหลังที่สองไว้พักผ่อนตากอากาศ ซึ่งสามารถเดินทางได้สะดวกและไม่ไกลจากกรุงเทพ