นายวิชัย กิ่งชา ผู้อำนวยการโครงการกลุ่มสิทธิผล วีแคร์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการและผู้ทรง คุณวุฒิกว่า 10 ท่าน ได้พิจารณาคัดเลือกทีมที่ผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายจากโครงการประกวดภาพยนตร์โฆษณาส่งเสริมการบริจาคอวัยวะเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (TVC for Life) จากผลงานทั้งสิ้น 132 เรื่อง จำนวน 88 ทีม โดย 10 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ได้แก่
1) ทีม Creative Hand จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กับชื่อเรื่อง “Signature of Life” ที่ต้องการกระตุ้นเตือนผู้คนในสังคมว่าลายเซ็นต์ มีความหมายกับชีวิตใครหลายๆ คน
2) ทีม ชื่อเรื่องหัวใจว่าง จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วางแนวคิดกระตุ้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงความสำคัญและปัญหาการบริจาคอวัยวะในปัจจุบัน โดยใช้นักแสดงเดินเรื่อง
3) ทีม เฟี้ยว? จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กับชื่อเรื่อง “ตายแล้ว ทำบุญได้” ที่ถ่ายทอดผลงานให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการบริจาคอวัยวะอย่างไม่ซ้ำซากจำเจ
4) ทีม Found จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับชื่อเรื่อง “เฝ้ารอ” ซึ่งถ่ายทอดจินตนาการของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เฝ้ารอให้แม่หายป่วยออกมาได้อย่างกินใจ
5) ทีม เวิร์ค จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนวคิดผลงานถ่ายทอดจากมุมมองที่มีต่อปัญหาการขาดแคลนอวัยวะในปัจจุบันว่าคนส่วนใหญ่มองว่ามันยุ่งยาก ซับซ้อน
6) ทีม Drama for everyday life จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับ ชื่อเรื่อง “นิทานหลอกเด็ก”ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งที่รอคอยว่าสักวันจะมีคนมาช่วยแม่ของเขาให้หายเป็นปกติอีกครั้ง
7) ทีม Praguad จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับชื่อเรื่อง “บทสัมภาษณ์” ที่สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนทุกอาชีพทุกเพศ ทุกวัย สามารถบริจาคอวัยวะได้
8) ทีม K-Twelve จากมหาวิทยาลัยรังสิต วางแนวคิดโฆษณาถ่ายทอดอารมณ์ร่วมกันเพื่อสื่อสารให้รู้ว่าการบริจาคอวัยวะช่วยต่อชีวิตคนอีกหลายคน ในรูปแบบกราฟฟิก
9) ทีม TIVITY จากมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมทีมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการทำงานร่วมกันของเพื่อนต่างสถาบัน โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “ผู้ให้ชีวิต” ที่มองถึงสภาพสังคมบนความแตกต่างและ
หลากหลายทางเพศแต่มีเป้าหมายเดียวกัน
10) ทีม MOLTRESS STUDIO จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม ชูแนวคิดว่า “หนึ่งชีวิต ช่วยได้อีกหลายชีวิต” พร้อมถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของพ่อ-ลูก และความผูกพันของคนในครอบครัวเป็นตัวกระตุ้นเตือนจิตสำนึกของผู้ชม
สำหรับหลักเกณฑ์การให้คะแนน แบ่งเป็น 1) เนื้อหาในการนำเสนอ 60 คะแนน ประกอบด้วย ประเด็นการนำเสนอเนื้อหา (Treatment) และ กลุ่มเป้าหมาย 2) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) 40 คะแนน ประกอบด้วย วิธีการนำเสนอ (Presentation) และ สไตล์ (Style) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง โดยลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 10 เรื่อง จะเป็นของศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในแง่การรณรงค์การบริจาคอวัยวะในอนาคต
“ผู้ผ่านเข้ารอบ 10 ทีม จะต้องเข้าร่วมการอบรม (Workshop) เรื่อง “สร้างสรรค์โฆษณาให้โดนใจผู้ชม” กับผู้กำกับภาพยนตร์มืออาชีพจากค่ายจีทีเอช คุณคมกฤษ ตรีวิมล (เอส) และวิทยากรจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ เพื่อนำความรู้ไปพัฒนาและประยุกต์สร้างสรรค์ผลงานทีมละ 1 เรื่อง ความยาว 60 วินาที โดยกำหนดส่งผลงานภายในวันที่ 19 สิงหาคม 2554” นายวิชัย กล่าวทิ้งท้าย
ภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 10 เรื่อง จะถูกจัดแสดงทางเว็บไซต์ www.tvcforlife.net โดยเปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถเข้าชมและร่วมโหวตให้คะแนน โดยจำนวนผู้เข้าชมจะนับเป็นคะแนนสำหรับรางวัลภาพยนตร์ส่งเสริมการบริจาคอวัยวะยอดนิยม ซึ่งจะมีการประกาศผลประมาณช่วงเดือนกันยายน ศกนี้
เกี่ยวกับ กลุ่มสิทธิผล
กว่า 90 ปี บนเส้นทางธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เริ่มขึ้นจากธุรกิจเล็กๆ รับปะยางและซ่อมรถจักรยาน บริเวณใต้ต้นโพธิ์ ในวัดญวน ย่านตลาดน้อย ด้วยความมานะอุตสาหะจากรุ่นสู่รุ่น ได้ขยายอาณาจักรธุรกิจสู่ “กลุ่มสิทธิผล” ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ อาทิ ยางรถจักรยานยนต์ “ไออาร์ซี” โคมไฟและหลอดไฟ “สแตนเลย์” โซ่และชุดโซ่-สเตอร์ “ดี.ไอ.ดี” หัวเทียน “เด็นโซ่” สายพาน“แบนโด” และน้ำมันเครื่อง“เอลฟ์” ที่มีรากฐานธุรกิจแข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยคุณภาพผลิตภัณฑ์มาตรฐานระดับโลกและบริการที่ลูกค้าต่างเชื่อมั่น..ในคำมั่นสัญญาของสิทธิผล ที่จะสร้าง “ประสิทธิผล” ให้ลูกค้าพึงพอใจต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด:
ส่วนโฆษณาและประชาสัมพันธ์:
คุณสุญาณี คุณะวัฒนา
โทร. 0-2639-1919 ต่อ 106,157 โทรสาร 0-2238-3617
อีเมล์: [email protected] , [email protected]
ทีมประชาสัมพันธ์กลุ่มสิทธิผล: บริษัท โปรเฟสชันแนล มีเดีย บิสซิเนส จำกัด:
คุณพรรษชล พรหมภัทรพันธ์ (เพลย์), คุณทิพย์ชล เทพรังศิริกุล(ฝุ่น)
โทรศัพท์ 0-2530-3218 ต่อ 13 และ 23 โทรสาร 0-2530-4542-3
อีเมล์: [email protected], [email protected]