นางสาวกาญจนา เทพารักษ์ ผู้อำนวยการ สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากผลสำเร็จของการจัดงาน Export clinic “การเจาะตลาดต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จ” เมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจในการขยายธุรกิจส่งออกไปสู่ตลาดเวียดนาม ทั้งนี้จากการเปิดเผยของ ผอ.สคร.โฮจิมินห์ซิตี้ ที่กล่าวคาดการณ์ว่าในปลายปีนี้เวียดนามอาจจะลดค่าเงินดองอีกเป็นครั้งที่ 6 เพื่อลดการขาดดุลการค้า ซึ่งจะส่งผลถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เงินกู้ (27%) และเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงกฎ ระเบียบบ่อยครั้งและความไม่มีเสถียรภาพค่าเงิน ทำให้ผู้ประกอบการที่จะเข้าไปลงทุนอาจต้องคิดหนัก ภายหลังจากที่หลายประเทศเข้าไปลงทุนในเวียดนามจนเกือบอิ่มตัว
ทั้งนี้เวียดนามเป็นตลาดที่มีการบริโภคสูง โดยประชากรกว่า 50% หรือ 44 ล้านคน เป็นกลุ่มคนรุ่นเยาว์และคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง เพราะรับกระแสบริโภคนิยม ตอบรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกได้รวดเร็ว สามารถสื่อสารกันภายในเครือญาตอย่างมีประสิทธิผล
“รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าหมายยกระดับให้ประเทศกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมในอีก 10ปีข้างหน้า เนื่องจากรายได้ของประชากรต่อคนต่อปีพ้นขีดประเทศยากจนแล้ว โดยในปีนี้คาดว่าจะสูงถึง 1,300 เหรียญสหรัฐฯ ภายใต้จีดีพีเติบโต 7% ปัจจุบันมีการเร่งแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ให้สอดรับกับเออีซีในปี 2558 และการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับ15 ประเทศ ซึ่งจะเป็นโอกาสของไทยด้านค้าขายและแหล่งวัตถุดิบสำคัญของไทย”
ดังนั้นทางกรมส่งเสริมการส่งออก โดยสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ จึงได้กำหนดจัดเสวนา เรื่อง “กระเทาะเปลือกตลาดเวียดนาม”ในวันพุธ ที่ 27 ก.ค.นี้ ณ ห้องประชุมใหญ่ สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก(รัชดา) เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการไทยสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับช่องทาง วิธีการ และโอกาศในการเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพไปดำเนินธุรกิจการค้า/การลงทุนในเวียดนาม (Internationalization) อันจะเป็นกลไกในการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้า และรองรับการรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.depthai.go.th หรือ โทร.02-5131909 ต่อ686รับสมัครจำนวน 120 ท่าน ไม่เสียค่าใช้จ่าย