คุณแฟรงค์กล่าวว่า ตั้งแต่มีการประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากผู้ซื้อชาวไทยและนักลงทุนชาวไทยเนื่องจากลูกค้าเหล่านี้มีคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ คนเหล่านี้คิดว่าการเมืองใหม่จะนำไปสู่เศรษฐกิจที่ดีขึ้นและสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ อย่างไรก็ตามหากภายใน 2-3 เดือนมีเหตุการณ์เช่น การชุมนุมต่างๆเกิดขึ้นก็จะทำให้นักลงทุนหยุดการลงทุน
หากแต่ในเดือนตุลาคมถึงธันวาคมยังคงเป็นช่วงที่ดีของตลาดอสังหาไทยเนื่องจากรัฐบาลยังอยู่ในการดำเนินการจัดทำนโยบาย และนับจากที่มีการประกาศให้เลือกตั้งใหม่ตลาดอสังหาในกรุงเทพก็โตขึ้น มีหลายโครงการยักษ์ใหญ่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดเช่น โนเบิลเพลินจิต ซึ่งมีจำนวนยูนิตมากกว่า 1,000 ยูนิต และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีโครงการต่างๆเปิดตัวมากขึ้นเนื่องจากเจ้าของโครงการเล็งเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีของตลาดอสังหากรุงเทพ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอสังหาในเมืองตากอากาศ เช่น หัวหิน ชะอำ ระยองและพัทยา ช่วงเวลานี้เป็นช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนไทยไม่ออกนอกบ้านและไม่ซื้ออสังหา ตลาดอสังหาเมืองตากอากาศจะเริ่มดีขึ้นหลังจากเดือนตุลาคม เนื่องจากหมดหน้าฝนและโรงเรียนต่างๆปิดเทอมซึ่งทำกระตุ้นให้คนส่วนใหญ่ออกจากบ้านเพื่อไปพักผ่อนและคนเหล่านี้ก็อยู่ในช่วงหรืออารมณ์ที่จะซื้ออสังหาเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศหรือเพื่อลงทุน
คุณแฟรงค์คาดการณ์ว่า เงินบาทน่าจะอ่อนค่าลงเพื่อที่จะได้มีการลงทุนตลาดอสังหาจากต่างชาติมากขึ้น หากเงินบาทอยู่ที่ 32-33 ต่อดอลล่าร์ ก็จะเป็นผลดีต่อนักลงทุนหลักจาก ฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ ยุโรปและรัสเซีย แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างยังคงขึ้นอยู่กับการประกาศนโยบายใหม่ อย่างไรก็ตาม หากหลังประกาศนโยบายแล้ว ประชาชนคิดว่านโยบายไม่น่าจะได้ผล ตลาดหุ้นและตลาดอสังหาจะได้รับผลกระทบก่อน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่านโยบายใหม่จะสามารถจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมได้หรือไม่
คุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า อนาคตตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยขึ้นอยู่กับความมีเสถียรภาพทางการเมืองและการจัดการทางด้านเศรษฐกิจที่ดี หากไม่มีความรุนแรงทางการเมืองในอนาคตและสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องตลาดอสังหาสำหรับคนไทยก็มีแนวโน้มสดใส ขณะที่พวกอสังหาในเมืองตากอากาศจะมีนักลงทุนชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้อสังหาในเมืองไทยนับได้ว่าถูกสุดเมื่อเปรียบเทียบกับอสังหาประเทศอื่น หากนโยบายเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนแรกเป็นที่น่าพอใจก็มีแนวโน้มว่าชาวต่างชาติจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดอาคารสำนักงาน โรงงาน คลังสินค้า โรงแรมดีขึ้นไปด้วย