วันที่ 28 ก.ค. 54 นายดนัย เอกกมล ผู้อำนวยการสำนักกำกับและอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นประธานในการสัมมนา “สร้างโอกาสการลงทุนที่ยั่งยืนด้วยมาตรการส่งเสริมด้านพลังงาน” โดยมีผู้ประกอบการภาคเอกชน สื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วมงานสัมมนาประมาณ 250 คน พร้อมด้วยการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ข้อมูลด้านการลงทุนพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน
นายดนัย กล่าวว่า การจัดงานในวันนี้ เป็นเวทีหนึ่งที่สำคัญของ พพ. ที่จะได้นำเสนอ และสรุปภาพรวมความสำเร็จจากโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงาน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน และโครงการสินเชื่อพลังงาน ที่จะมีการเผยแพร่ถึงมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ตลอดจนการนำเสนอเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานที่ประสบผลสำเร็จด้านพลังงานต่าง ๆ อันมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ภาคเอกชน หรือผู้ประกอบการด้านพลังงาน สามารถเกิดผลประหยัดด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลประโยชน์โดยรวมที่ช่วยให้ประเทศเกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถประหยัดงบประมาณจากการนำเข้าพลังงานได้เป็นจำนวนมหาศาลอีกด้วย
ทั้งนี้ ผลจากการดำเนินโครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ซึ่ง พพ.ได้ดำเนินโครงการร่วมกับสถาบันการเงิน 11 แห่ง มาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน รวม 7 ระยะ โดยได้รับวงเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน 7,800 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน จำนวน 8,600 ล้านบาท รวมวงเงินในโครงการ ฯ ทั้งสิ้น 16,000 ล้านบาท โดยได้มีการอนุมัติให้แก่โครงการด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน รวมทั้งสิ้น 293 โครงการ ก่อให้เกิดผลการประหยัดน้ำมันสูงถึง 240 ล้านลิตรต่อปี ผลการประหยัดไฟฟ้า 1,200 ล้านหน่วยต่อปี และในภาพรวมช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานให้แก่ประเทศ เป็นมูลค่ามหาศาลถึง 5,500 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1 ล้านตันคาร์บอน
ด้านโครงการสินเชื่อพลังงาน แม้จะเป็นโครงการที่มีการปล่อยสินเชื่อด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนด้วยสถาบันการเงินเอง แต่ในส่วนของ พพ. ก็ได้เข้าไปร่วมเป็นเครือข่ายในการพัฒนาบุคลากรของสถาบันการเงินที่อยู่ในโครงการจำนวนทั้งสิ้น 16 แห่ง รวมทั้งเป็นผู้ให้คำปรึกษา และสนับสนุนในการพัฒนาทางด้านเทคนิคสำหรับการพิจารณาข้อเสนอโครงการด้านพลังงาน ซึ่งจากการดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีเงินปล่อยกู้สะสมมากถึง 200,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดผลการประหยัดพลังงาน 2,700 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ และช่วยลดการปลดปล่อย ก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนได้สูงถึง 8.4 ล้านตันคาร์บอน
เมื่อรวมทั้ง 2 โครงการแล้ว ก่อให้เกิดการลงทุนรวม 216,000 ล้านบาท เกิดผลประหยัดพลังงานกว่า 3,000 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 9.4 ล้านตันคาร์บอน