นายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติงาน บริษัท เจียไต๋ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชของเจียไต๋ใหญ่ติดอันดับผู้นำในเอเชีย มีสินค้าส่งไปขายในกว่า 30 ประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และจีนตอนใต้ ซึ่งเป็นเขตที่มีจำนวนประชากรมาก อาทิ เวียดนาม 85 ล้านคน อินโดนีเซีย 231 ล้านคน อินเดีย 1,189 ล้านคน บังกลาเทศที่มีประมาณ 162 ล้านคน และปากีสถานมีประมาณ 171 ล้านคน เป็นต้น ซึ่งในกลุ่มประเทศเหล่านี้ คู่แข่งรายใหญ่ในตลาดมาจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งยังไม่มีความชำนาญด้านพืชเขตร้อนหรือพืชเมืองหนาวบางสายพันธุ์เท่ากับเรา ภูมิภาคนี้จึงเต็มไปด้วยโอกาสที่เจียไต๋จะวางรากฐานขยายธุรกิจ
“เราให้ความสำคัญกับมากกับการลงทุนวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ซื้อและสภาพภูมิอากาศที่ต่างกันของแต่ละประเทศ ทำให้เมล็ดพันธุ์ของเราเป็นที่นิยมของเกษตรกรทั่วเอเชีย ซึ่งในช่วง 10 ปีมานี้ เจียไต๋เน้นการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ด้วยเงินลงทุนที่สูง ให้ความสำคัญในเรื่องของ "นวัตกรรม" การพัฒนาพันธุ์ใหม่ๆ ที่สามารถแก้ปัญหาและขจัดอุปสรรคการปลูกให้เกษตรกร และตอบโจทย์ความต้องการบริโภคของผู้บริโภคได้ดีที่สุด จึงทำให้เราสามารถขยายธุรกิจไปได้ในเขตร้อนทั่วโลก ทั้งเอเชีย ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา ยุโรป จนทำให้วันนี้การค้าต่างประเทศใหญ่กว่าในประเทศ มียอดส่งออก 60-65 เปอร์เซ็นต์ และจำหน่ายในประเทศ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์”
นายมนัส กล่าวต่อว่า “ในด้านของช่องทางการขาย เจียไต๋มีรูปแบบการขายผ่านตัวแทนที่เป็นร้านค้าเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ทั่วประเทศ โดยเรามีร้านค้าซึ่งถือเป็นตัวแทนเกรดเออยู่กว่า 20 ราย และตัวแทนที่เป็นบริษัทค้าเมล็ดพันธุ์ในต่างประเทศ โดยเมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋ที่เป็นที่นิยมในประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ ฟักทอง กะหล่ำปลี แตงร้าน พริก มะเขือเทศ และในต่างประเทศได้แก่ แตงร้าน แตงโม พริก มะระ มะเขือเทศ ตามลำดับ
หลายปีที่ผ่านมา เมล็ดพันธุ์ตระกูลแตงของเราได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น แตงร้าน แตงกวา แตงโม ล้วนสร้างยอดขายในมูลค่าสูงให้กับบริษัทฯ ปีนี้เราจึงตั้งใจที่จะเน้นและขยายการทำตลาดสู่เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศ เพราะเป็นผักที่มีโภชนาการสูงสำหรับผู้บริโภค และสามารถทำรายได้ดีให้กับเกษตรกร แต่ขณะเดียวกันก็เป็นพืชที่มีอุปสรรคในการเพาะปลูกมาก เพราะอากาศในปัจจุบันที่ร้อนและแล้งขึ้น มีโรคจากทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเพิ่มขึ้น เจียไต๋จึงได้แก้ปัญหานี้ โดยได้พัฒนาสายพันธุ์ที่มีความต้านทานโรคสูงและให้ผลผลิตสูงออกมา และได้เริ่มกระจายห้แก่เกษตรกรทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าว่าจะได้รับความนิยมและทำรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นได้”
นอกจากการขายผ่านร้านค้าและบริษัทตัวแทน เจียไต๋ยังมีการเข้าถึงเกษตรกรโดยตรงด้วยการจัดทีมนักวิชาการและทีมวิจัยเข้าไปในแหล่งเพาะปลูกผลผลิตต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อแนะนำและให้ความรู้เกษตรกรเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ การปลูกและการดูแลรักษาที่ถูกต้อง พร้อมๆ ไปกับรับรู้ปัญหาและความต้องการของเกษตรกรและผู้บริโภค เพื่อนำกลับมาปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ที่ดีขึ้นต่อไป
“ด้วยประสบการณ์กว่า 90 ปี ทำให้เราเรียนรู้ว่าการลงทุนทุ่มเทให้กับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทำให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์คุณภาพ จึงส่งผลให้เมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋ได้รับการยอมรับจากเกษตรกรและผู้บริโภคทั่วโลก ในปีนี้เราจึงตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายภายในประเทศไว้ที่ 20% และในต่างประเทศที่ 35-40% ทั้งนี้เรามีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะเมล็ดพันธุ์คุณภาพของเราได้ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ขายได้ราคาดี ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพในทุกฤดูกาล” นายมนัส กล่าวทิ้งท้าย