นายสมบัติ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งจากเดิมที่ คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๔ เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน ๑๖,๖๐๕.๖๕ ล้านบาท นั้น ได้มีการพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วนต่างๆ ของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งประกอบไปด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงฯ กรมพลศึกษา กรมการท่องเที่ยว สถาบันการพลศึกษา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย รวมไปถึงกองทุนเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กองทุนส่งเสริมกีฬาอาชีพไทย และกองทุนกีฬามวย ซึ่งภายหลังการปรับปรุงในเบื้องต้น ได้ภาพรวมของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพิ่มเป็นจำนวนเงิน ๒๗,๒๑๗.๙๙ ล้านบาท โดยจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาการปรับ เพิ่มจำนวน ๑๐,๖๑๒.๓๔ ล้านบาท อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้กรอบวงเงินที่ครอบคลุมการบริหารจัดการต่างๆให้ได้มากที่สุด
ในภาคส่วนของหน่วยงานด้านการกีฬา ภายในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมพลศึกษา มีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย ปี ๒๕๕๕ เบื้องต้น จำนวน ๑,๗๗๖.๘๕ ล้านบาท สถาบันการพลศึกษา ๒,๓๑๒.๓๙ ล้านบาท และการกีฬาแห่งประเทศไทย ๘,๘๑๒.๓๔ ล้านบาท ในส่วนของกองทุนด้านกีฬาซึ่งทางการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ขอปรับเพิ่ม ดังนี้ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จาก ๓๕๐ ล้านบาท เป็น ๘๐๐ ล้านบาท กองทุนส่งเสริมกีฬาอาชีพ จาก ๑๗๐ ล้านบาท เป็น ๒๐๐ ล้านบาท และกองทุนกีฬามวย จาก ๕๐ ล้านบาท เป็น ๑๘๔ ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาการกีฬาของประเทศไทยในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นการจัดการแข่งขัน การเตรียมตัวนักกีฬาเพื่อส่งแข่งขันในรายการแข่งขันกีฬาระดับต่างๆ ตั้งแต่ระดับเยาวชน ถึงระดับกีฬาเพื่อการอาชีพ การพัฒนาบุคลากรด้านการกีฬา ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้พัฒนาการกีฬาของประเทศไทย ให้เป็นผู้นำด้านกีฬาอันดับต้นๆ ในทวีปเอเชีย จนถึงระดับโลก
ในภาคส่วนของการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยวมีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย ปี ๒๕๕๕ เบื้องต้น จำนวน ๓,๖๔๕.๙๑ ล้านบาท การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ๘,๔๐๐ ล้านบาท และกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขอปรับเพิ่มจาก ๕๐ ล้านบาท เป็น ๓๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ ที่ตั้งเป้าไว้ จำนวน ๓๐ ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า ๒ ล้านล้านบาทด้วย นั้น คิดว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ หากแต่ต้องมีการพัฒนาและส่งเสริมในด้านต่างๆ ทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆให้ได้มาตรฐาน รวมทั้งงบประมาณจากรัฐบาลในการดำเนินงานด้วยเพื่อที่จะเป็นกลไก ที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว รวมถึงมูลค่าหรือรายได้ที่ได้การท่องเที่ยวให้มากขึ้น
ป.กก. กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาและการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีมาตรฐาน เป็นศูนย์กลางของอาเซียน ทั้งด้านท่องเที่ยวและกีฬา ภายในปี ๒๕๕๘ ก่อนการเปิดเสรีอาเซียน (AEC) รวมถึงพัฒนาให้เป็นอันดับต้นๆในเอเชียต่อไปอีกด้วย