ดร.ศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคิน จำกัด หรือ “KKFund” เปิดเผยว่า หลังจากเข้ามาบริหาร บลจ.เกียรตินาคินได้กำหนดวิสัยทัศน์เป็น “บลจ.ขนาดกลางที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (บูติค)” กลยุทธ์สำคัญที่นำมาแข่งขันกับกองทุนอื่นๆในตลาดคือ ความแตกต่างในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนให้ครบทุกประเภท อาทิ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ รวมไปถึงกองทุนประเภททาร์เก็ต ฟันด์ หรือกองทุนที่ตั้งเป้าผลตอบแทน ซึ่งรูปแบบการลงทุนของกองทุนเหล่านี้จะแตกต่างกองทุนทั่วไป พร้อมกับเน้นคุณภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า อาทิ การให้คำแนะนำในเรื่องของจังหวะการปรับพอร์ต บริหารหลังการขาย เพื่อสร้างความพึงพอใจและดึงดูดให้ลูกค้าใช้บริการ รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ทั้งผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ขายผ่านระบบอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงช่องทางใหม่ๆ ที่ต่างจากอดีต
นอกจากนี้ บริษัทจะมีการปรับโครงสร้างองค์กร เพิ่มทีมผู้จัดการกองทุนเข้ามาเสริมทัพ อาทิ ผู้จัดการกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนต่างประเทศ รวมถึงทีมบริหารความเสี่ยงและทีมมาร์เก็ตติ้ง และระบบงานอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ ยังต้องสร้างความสัมพันธ์ กับลูกค้าเก่า และตัวแทนจำหน่วยหน่วยลงทุนหรือเซลลิ่งเอเจนต์ต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าภายใน 3 ปีมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากกว่า 70,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะเปิดกองทุนเพิ่มเติม อาทิ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ( Provident Fund) กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) จากปัจจุบันที่บริษัทมีกองทุนหุ้น กองทุนรวมหุ้น ระยะยาว (แอลทีเอฟ) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) กองทุนรวมต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นจีน ทองคำและธุรกิจเฮลธ์แคร์
สำหรับปีนี้บริษัทมีแผนจะเสนอขายกองทุนประมาณ 14-15 กองทุน โดยในจำนวนนี้จะเป็นกองทุนที่ตั้งเป้าผลตอบแทน หรือ ทาร์เก็ตฟันด์จำนวน 3 กองทุน แบ่งเป็น กองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทย 1 กองทุน กองทุนที่ลงทุนในอีทีเอฟประเทศจีน 1 กองทุน และกองทุนที่ลงทุนในอีทีเอฟประเทศสหรัฐอเมริกา 1 กองทุนแต่ละกองทุนจะมีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 300-400 ล้านบาท สาเหตุที่เลือกลงทุนในอีทีเอฟของจีนและสหรัฐฯ เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลดลงมามากถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน และมองว่าทั้งสองประเทศยังมีโอกาสในการเติบโต
เกี่ยวกับ บลจ.เกียรตินาคิน : เริ่มดำเนินธุรกิจจัดการกองทุนรวมครั้งแรกในชื่อของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2547 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 100 ล้านบาท ต่อมาได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 300 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2554 มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)(KK) เข้าถือหุ้นใหญ่ 60% กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ถือหุ้น 40% จึงดำเนินการเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคิน จำกัด” ปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 22,000 ล้านบาท
สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ : คุณจินดารัตน์ หงส์ดำเนิน โทร 02-624-8531