“ลานทอง” หมู่บ้านพึ่งพาตนเองเพื่อสุขภาวะยั่งยืน ชู ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ สร้างชุมชนเข้มแข็ง

จันทร์ ๐๘ สิงหาคม ๒๐๑๑ ๑๓:๑๙
ปัญหาหลักของเกษตรกรในทุกพื้นที่ของประเทศไทยในปัจจุบันนี้คือ “ภาวะหนี้สิน” ที่เกิดขึ้นจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากการพึ่งพาปุ๋ย ยา และสารเคมีในกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก นานวันเข้าเมื่อดินเสื่อมสภาพ ไม่เพียงแต่ผลผลิตจะตกต่ำ สุขภาพก็ยังทรุดโทรม

บ้านลานทอง ตำบลเขาวงกต อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งในกระบวนการผลิตชาวบ้านส่วนใหญ่ยังใช้สารเคมีต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพทำให้มีสารเคมีจำนวนมากตกค้างในร่างกายของเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภค สิ่งแวดล้อมโดยรวมก็เสื่อมโทรมลง และเกิดภาวะหนี้สินเพิ่มมากขึ้นในชุมชน

ด้วยเหตุดังกล่าว “ศูนย์การเรียนรู้พึ่งพาตนเองร่วมสมัย” จึงได้ร่วมกับ ภาคประชาชน องค์การบริหารส่วนตำบลเขาวงกต โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาวงกต และโรงเรียนบ้านหนองเจ๊กสร้อย จัดทำโครงการ “ร่วมสร้างหมู่บ้านพอเพียง เพื่อรากฐานสุขภาพที่ยั่งยืน หมู่บ้านลานทอง” เพื่อน้อมนำแนวคิดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาชุมชนให้เกิดการพึ่งพาตนเอง แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนอย่างยั่งยืน โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นางสาวอารีรัตน์ พูนปาล หัวหน้าโครงการฯ เปิดเผยว่าศูนย์การเรียนรู้พึ่งพาตนเองร่วมสมัยเกิดขึ้นมาจากการที่ครอบครัวของตนเองเป็นหนี้สินมากกว่า 8 แสนบาทจากการทำเกษตรสมัยใหม่ที่พึ่งพาแต่ปุ๋ยยาและสารเคมี ยิ่งทำมากก็ยิ่งเป็นหนี้มาก แถมสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวก็ย่ำแย่ จึงเริ่มปรับเปลี่ยนแนวคิดและกระบวนการผลิตเป็นเกษตรอินทรีย์ ใช้เวลาเพียง 4 ปีก็สามารถปลดหนี้ได้สำเร็จ จึงใช้พื้นที่บริเวณบ้านจัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความรู้ในการทำการเกษตรแบบพึ่งพาตนเองให้แก่ผู้ที่สนใจ

“ปัญหาที่เราพบในชุมชนก็คือเรื่องสุขภาพ ชาวบ้านป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมัน และสารเคมีตกค้างในร่างกาย สาเหตุมาจากการบริโภคผักและผลไม้ที่ปนเปื้อนสารเคมี และการใช้ยาปราบศัตรูพืช ปัญหาต่อมาก็คือต้นทุนการผลิตสูง จึงต้องหาวิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและแนวคิดการในผลิต ทำอย่างไรให้ชาวบ้านรู้วิธีการลดต้นทุนการผลิต ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน จึงได้ทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อให้ในชุมชนตระหนักถึงปัญหาต่างๆ และพึ่งพาตัวเองได้” นางสาวอารีรัตน์กล่าว

โดยโครงการฯ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “พิษภัยของสารเคมีต่อสุขภาพของชุมชน” และสาธิตตัวอย่างการ “สร้างเสริมสุขภาพในวิถีพอเพียงพึ่งพาตนเอง” ให้กับเกษตรกรในพื้นที่เพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการผลิตอาหารที่ปลอดภัย การลดต้นทุนการผลิต การสร้างแหล่งอาหารในครัวเรือน การใช้พลังงานทดแทน การใช้สมุนไพรในชีวิตประจำวัน การปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างเพื่อให้เกษตรกรนำความรู้ไปปรับใช้กับการประกอบอาชีพของตนเองและครอบครัว รวมถึงกระตุ้นให้ชุมชนตระหนักถึงพิษภัยของสารเคมี และหันมาพึ่งพาตนเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และยังได้ร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาวงกต นำเรื่องของสุขภาพมาเชื่อมโยงและสร้างความเข้าใจกับชุมชน

นายรัฐวุฒิ สมบูรณ์ธรรม เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.สต.เขาวงกต เปิดเผยว่าจากการตรวจสุขภาพประชาชนพบว่ามีปัญหาสารเคมีตกค้างในร่างกายสูงกว่าร้อยละ 70 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารที่มีการใช้สารเคมีในการผลิต และจากอาชีพการทำเกษตรกรรมที่ใช้สารเคมีและยาปราบศัตรูพืช

“เรามุ่งเน้นให้เกิดการ ลด ละ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดี โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การส่งเสริมให้ทำเกษตรกรรมปลอดสารพิษ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยใช้ผลตรวจเลือดมาอธิบายให้เห็นสาเหตุของโรค ทำให้เกษตรกรเกิดความตระหนักถึงสุขภาพของตนเองมากยิ่งขึ้น แล้วหันมาให้ความสนใจกับอาหารที่บริโภค ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตต่อไป” นายรัฐวุฒิระบุ

ด้าน นายวิเชียร หนูพิมพ์ทอง อายุ 65 ปี เครือข่ายเกษตรจากบ้านหนองกวาง ต.เขาวงกต กล่าวว่าในอดีตปลูกมันสำปะหลัง และทำสวนทุเรียน แต่ยิ่งทำก็ยิ่งจนเพราะค่าใช้จ่ายสูงขึ้นทุกปี ทั้งค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่ายา สุขภาพก็เริ่มทรุดโทรมเนื่องจากต้องพ่นยาเอง พอผลผลิตราคาตกก็เริ่มเป็นหนี้สะสม

“เกษตรกรในปัจจุบันมักคาดหวังแต่รายได้สูงๆ แต่ไม่ได้คำนึงถึงการลงทุนและผลเสียที่จะได้รับ ทุกวันนี้จึงหันกลับมาปลูกผักและผลไม้ทำไร่แบบผสมผสาน ปลูกทั้งละมุด เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง มะกอกน้ำ ชมพู่ หมุนเวียนมีผลผลิตจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญคนซื้อเมื่อรู้ว่าเป็นผลผลิตที่ปลอดภัยต่อสุขภาพถึงแม้จะแพงกว่าท้องตลาดทั่วไปก็ยังขายได้ดี” ลุงวิเชียรเล่าถึงประโยชน์ของการทำการเกษตรยั่งยืน

และเพื่อปลูกฝังแนวคิด สร้างทักษะและความรู้ในการพึ่งพาตนเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้กับเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ของชุมชน ศูนย์การเรียนรู้พึ่งพาตนเองร่วมจึงได้ร่วมกับโรงเรียนบ้านหนองเจ๊กสร้อย จัดกิจกรรม “เยาวชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงบนความยั่งยืน” ให้เด็กๆ ได้ลองปลูกผักปลอดสารพิษ ผลิตของใช้ในครัวเรือนจากสมุนไพรใกล้ตัวฯลฯ

นอกจากนี้ยังได้ต่อยอดแนวคิดเกิดเป็นกิจกรรม “ธนาคารคนช่างเก็บ” และ “ตลาดนัดคนรักษ์โลก” เพื่อให้เด็กๆ เห็นคุณค่าของการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการคัดแยกขยะ เศษอาหารก็จะนำไปผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ สิ่งที่สามารถรีไซเคิลได้ก็นำมาขายสร้างรายได้ ช่วยลดภาระปัญหาขยะของชุมชน เกิดเป็นกองทุนกระตุ้นให้เกิดวินัยการออม และใช้สำหรับเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม

น.ส.เพ็ญรุ่ง กวีรัตน์ธำรง ผอ.โรงเรียนบ้านหนองเจ๊กสร้อย กล่าวว่าเนื่องจากโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนขยายโอกาส ดังนั้นจึงมีนักเรียนส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ศึกษาต่อ เพราะต้องออกไปทำงานช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งการให้เด็กๆ ได้มาเรียนรู้ด้านการทำการเกษตรอินทรีย์นั้นจะเป็นพื้นฐานที่ทำให้เขาได้มีความเข้มแข็งในการประกอบอาชีพและสามารถพึ่งพาตนเองได้

“นอกจากนี้ใน 8 สาระวิชาเรายังได้สอดแทรกความรู้ในเรื่องของหลักเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปในทุกๆ กิจกรรม เพราะเชื่อว่าการดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยให้เกิดสังคมที่เข้มแข็ง แล้วการที่เขาได้ลงมือทำด้วยตนเองก็จะเกิดเป็นทักษะและความรู้ที่ติดตัวไปตลอด และที่สำคัญเราอยากให้เด็กๆ เป็นเครื่องมือในการส่งผ่านองค์ความรู้ต่างๆ เหล่านี้ไปสู่ครอบครัวและผู้ปกครอง” คุณครูเพ็ญรุ่งกล่าว

“การปรับเปลี่ยนแนวคิดและประกอบอาชีพมาเป็นเกษตรอินทรีย์ ด้วยการทำการเกษตรแบบผสมผสาน โดยเน้นการพึ่งพาตนเอง จะทำให้ชาวบ้านมีสุขภาพที่แข็งแรง และชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง” นางสาวอารีรัตน์ หัวหน้าโครงการกล่าวสรุป.

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก