นายประมวล จันทร์พงษ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทย มีอัตราการใช้พลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.5 โดยในสาขาอุตสาหกรรมจะมีการใช้พลังงานมากที่สุด คือ ร้อยละ 37 รองลงมา คือ สาขาขนส่งร้อยละ 35 ที่อยู่อาศัย ร้อยละ 15 อาคารธุรกิจ ร้อยละ 7 เกษตรกรรมและอื่นๆ ร้อยละ 6 กระทรวงพลังงานในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบในการจัดหาแหล่งพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการของสังคมทุกภาคส่วน รวมถึงการสนับสนุนและส่งเสริม ให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม จึงได้กำหนดแนวนโยบายในการบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีเป้าหมายในการลดอัตราความเข้มข้นของการใช้พลังงานลงร้อยละ 8 ในปี 2558 และร้อยละ 25ในปี 2573 พร้อมทั้งจัดทำแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดโลกร้อน ให้ได้ 72 ล้านตัน ในปี 2563
ในส่วนของการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานนั้น กระทรวงพลังงานได้จัดทำ “โครงการส่งเสริมและกำกับดูแลอาคารควบคุมภาครัฐ” ขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนและช่วยเหลืออาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอิสระ รวมจำนวนประมาณ 800 แห่ง ให้สามารถดำเนินการอนุรักษ์พลังงานได้ถูกต้อง และครบถ้วนตามกฎหมาย ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เกิดผลประหยัดพลังงานอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมในการดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน ให้แก่บุคลากรในอาคารภาครัฐ รวมถึง เป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้อีกด้วย โดยคาดว่าหลังจากเสร็จสิ้นโครงการดังกล่าวแล้วในปี 2554
จะสามารถประหยัดพลังงานได้ประมาณ 620 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยการคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 147,000 ตันต่อปีนอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังได้ส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารภาครัฐ ในส่วนของศาลากลางจังหวัด ที่ทำการสำนักงาน ปลัดกระทรวง ศาลยุติธรรม โรงพยาบาลชุมชน เรือนจำ และหน่วยงานอิสระที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีถึง 680 แห่ง โดยการเปลี่ยนอุปกรณ์หลอดฟลูออเรสเซนต์ ที่มีอยู่เดิม เป็นหลอดผอมเบอร์ 5 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระบบแสงสว่างให้สูงขึ้น และลดการใช้พลังงาน โดยได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เป็นผู้ดำเนินการปรับเปลี่ยน ซึ่งได้จัดพิธีมอบหลอดไปแล้ว 21 แห่ง โดยโรงพยาบาลกลางเป็นลำดับที่ 22
ในส่วนของโรงพยาบาลกลาง เป็นหนึ่งในโครงการฯ ที่กระทรวงพลังงาน ให้การสนับสนุน การดำเนินการเปลี่ยนหลอดผอมเบอร์ 5 ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณค่าไฟฟ้าในโรงพยาบาลได้กว่า 2,700,000 บาทต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ประมาณ 465 ตันต่อปี อันจะเป็นตัวอย่างอาคารภาครัฐที่มีการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดภาวะโลกร้อน
นพ.ชูวิทย์ ประดิษฐบาทุกา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลาง กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้พลังงานในอาคารต่าง ๆ ภายในศูนย์ฯ ส่วนใหญ่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก โดยในปีที่ผ่านมา มีการใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 7,320,000 หน่วยต่อปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 25,800,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นการใช้พลังงานพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก “การดำเนินการเรื่องการประหยัดพลังงานที่ผ่านมา โรงพยาบาลได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานของกระทรวงพลังงาน ได้แก่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือ พพ. ในการเผยแพร่ความรู้ในเรื่อง การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด การจัดทำแผนและมาตรการอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้รับความอนุเคราะห์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เข้ามาปรับเปลี่ยนหลอดผอมแบบเดิม เป็นหลอดผอมเบอร์ 5 จำนวนประมาณ 8,240 หลอด ซึ่งเป็นหลอดที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ จากข้อมูลของทีมงาน กฟผ. ที่เข้ามาปรับเปลี่ยน พบว่า สามารถลดกำลังไฟฟ้าที่ใช้ในหลอดลงได้ มากกว่าร้อยละ 30 เป็นผลประหยัดประมาณ 801,000 หน่วยต่อปี เป็นเงิน 2,720,000 บาทต่อปี นอกจากผลประหยัด ที่ได้รับแล้ว หลอดผอมเบอร์ 5 ยังให้ความสว่างมากกว่าหลอดเดิมด้วย ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตการทำงานของเจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้มาเยี่ยมชมให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย” นพ.ชูวิทย์ กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 9965760 ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการฯ