นางสาวสุภาพร กัณฑาซาว ผู้เลี้ยงสุกรพันธุ์ ในอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำท่วมเฉียบพลัน จากอิทธิพลของพายุนกเต็น ส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงสุกรที่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมขังภายในโรงเรือนเลี้ยงสุกร ทำให้สุกรเสียหาย โดยเฉพาะบางรายที่ไม่สามารถย้ายสุกรได้ทัน
“วันนี้หลายคนบอกว่าราคาหมูแพง และกล่าวหาว่าผู้เลี้ยงหมูฉกฉวยโอกาสขายหมูในราคาสูง โดยที่ไม่ดูความจริงว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเกษตรกร ตั้งแต่ปีที่แล้วเรื่องโรค PRRS สายพันธุ์จีนเข้ามาระบาดอย่างหนัก หมูเสียหายไม่ต่ำกว่า 20% บางฟาร์มที่ระบบป้องกันโรคไม่ดีก็เสียหายสูงถึง 50% แม่หมูลูกหมูก็ตายจากโรคดังกล่าวไปไม่น้อย ปีนี้ก็ยังโดน FMD ระบาดเข้ามาซ้ำเติมอีก ความเสียหายจึงมากขึ้นกว่าเดิม แถมอากาศที่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวก็กระทบกับสุขภาพหมูอย่างมาก ถึงแม้บางคนจะบอกว่าเกษตรกรเลี้ยงหมูในระบบปิดที่ควบคุมอากาศได้ แต่ความแปรปรวนที่เกิดขึ้นนี้แม้แต่อีแว้ปก็เอาไม่อยู่ เพราะอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หมูอ่อนแอ เป็นโรคได้ง่ายขึ้น การกินก็ผิดปกติ การเจริญเติบโตจึงต่ำตามไปด้วย ที่สำคัญ ปีนี้เรื่องภัยพิบัติเป็นสิ่งที่เกษตรกรไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ฝนที่ตกลงมาทำให้หมูของเกษตรกรเสียหายเพิ่มขึ้น ซ้ำเติมภาวะขาดแคลนที่เป็นอยู่ แถมยังกระทบถึงต้นทุนให้สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายเข้าใจเกษตรกรด้วยว่าเราต้องเจอกับปัญหาจริงๆ และต้องยอมรับว่าหมูขาดแคลน ราคาก็จำเป็นต้องสูงขึ้น วันนี้ผู้บริโภคมีโอกาสเลือก แต่เรามีอาชีพเดียว หมดอาชีพนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไรอีก” นางสาวสุภาพร กล่าว