1. เปิดกว้างการทำธุรกรรมสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตค้าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถทำธุรกรรมกับนิติบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนสถาบันได้ จากเดิมที่เคยจำกัดให้ต้องทำธุรกรรมกับผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น แต่ต้องเป็นธุรกรรมเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจ (hedging) และต้องเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าขั้นพื้นฐาน (plain vanilla derivatives)
2. ผ่อนคลายให้ผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้ ผู้ร่วมจัดจำหน่าย รวมถึงบริษัทใหญ่และบริษัทย่อย สามารถจองซื้อ
ตราสารหนี้ที่ตนเป็นผู้จัดจำหน่ายได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดสภาพคล่องในตลาดรองมากขึ้น ภายใต้เงื่อนไข
ที่กำหนด เช่น จำนวนที่สามารถจองซื้อและได้รับจัดสรรทุกรายรวมกันแล้วต้องไม่เกินค่าเฉลี่ยที่ผู้ลงทุนสถาบันแสดงความสนใจจองซื้อ (book build) และต้องไม่มีส่วนร่วมหรือชี้นำในการกำหนดราคาเสนอขาย รวมทั้งต้องเปิดเผยความประสงค์และวิธีการจองซื้อไว้ในหนังสือชี้ชวน และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและด้านการลงทุน
3. กำหนดราคาเสนอซื้อหลักทรัพย์ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ (tender offer) ให้มีความเป็นธรรม โดยในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อยื่นคำเสนอซื้อล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ ราคาที่จะเสนอซื้อต้องเป็นธรรมกับผู้ลงทุนและไม่ทำให้ผู้ทำคำเสนอซื้อล่าช้าได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรได้ โดยราคาดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าราคาสูงสุดระหว่าง (1) ราคาสูงสุดที่ได้หลักทรัพย์นั้นมาในช่วง 90 วันก่อนวันที่มีหน้าที่ยื่นทำคำเสนอซื้อตามเวลาที่กำหนดบวกต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นจากการทำคำเสนอซื้อล่าช้า* และ (2) ราคาตลาดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นระหว่าง 5 วันทำการก่อนยื่นคำเสนอซื้อจริง
“ก่อนหน้านี้ธนาคารพาณิชย์มีการให้บริการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้านอกศูนย์ซื้อขายแก่ลูกค้าที่มีความจำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงและส่วนหนึ่งไม่ใช่ผู้ลงทุนสถาบัน ต่อมาเมื่อ ก.ล.ต. กำหนดเพิ่มสินค้าและตัวแปรบางประเภทให้เข้ามาอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 จึงจำเป็นผ่อนคลายหลักเกณฑ์ เพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน และจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีช่องทางในการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติมจากการเข้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ (TFEX )
นอกจากนี้ ได้ผ่อนคลายการลงทุนของผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้ให้สามารถจองซื้อและได้รับจัดสรรตราสารหนี้ได้ แต่ยังคงมาตรการเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การกำหนดราคามีความโปร่งใส และมีมาตรการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เหมาะสม” นายชาลี กล่าว
* ราคาสูงสุดที่ได้มาในช่วง 90 วันก่อนวันที่มีหน้าที่ยื่นทำคำเสนอซื้อตามเวลาที่กำหนด + (ราคาสูงสุดที่ได้มาในช่วง 90 วันก่อนวันที่มีหน้าที่ยื่นทำคำเสนอซื้อตามเวลาที่กำหนด* MLR เฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ใหญ่ 4 แห่ง*จำนวนวันที่ล่าช้า/365)