ดร.ศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เกียรตินาคิน จำกัด (KK-Fund) พร้อมด้วย คุณวิโรจน์ สติธโรปกรณ์ รองผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายบัญชี บริษัทการบินกรุงเทพ (Bangkok Airways: บางกอกแอร์เวยส์) จัดงานแถลงผลการดำเนินงานของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย “SPF” รวมถึงเผยแผนการดำเนินงานในอนาคตของบางกอกแอร์เวยส์ นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากคุณสายโพยม สมสุข หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว ททท. ร่วมเป็นวิทยากรเปิดมุมมองการเติบโตบนเกาะสมุย พร้อมตั้งเป้าเกาะสมุยเป็น Dream Destination
“ภาพรวมธุรกิจการท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันได้รับการยอมรับระดับนานาชาติให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลติดอันดับโลก ถึงแม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะต้องเผชิญกับปัจจัยลบจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ แต่โดยภาพรวมแล้วอัตราการเข้าพักยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” คุณสายโพยมกล่าว พร้อมเสริมว่า ททท. กำลังดำเนินแผนงานเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันบนเกาะสมุยแบบบูรณาการ และมุ่งตั้งเป้าให้เกาะสมุย เป็น Dream Destination สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
จากนั้น ดร.ศุภกร แถลงถึงผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาของกองทุน SPF ซึ่งมีรายได้โดยตรงจากการดำเนินงานของสนามบินสมุย โดยผลการดำเนินงานในปี 2553 ปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 4.38%(YOY) และอัตราการจ่ายเงินปันผลในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 9.54 (คำนวณจากราคาพาร์ปัจจุบันที่ 9.6927 บาท) โดยสัดส่วนรายได้ของกองทุนมาจากจำนวนเที่ยวบินเข้าสู่สนามบินสมุย 74% และอีก 26% เป็นสัดส่วนจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่เดินทางออกจากเกาะสมุย นอกจากนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บางกอกแอร์เวยส์ได้ยื่นคำร้องไปยังกรมการบินพลเรือนเพื่อขอปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้โดยสารที่เดินทางออกจากสนามบินสมุยที่ใช้เส้นทางการบินระหว่างประเทศ (International Passenger Service Charge: International PSC) ซึ่งหากได้รับอนุมัติจะส่งผลให้กองทุนได้รับรายได้เพิ่มขึ้น สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยว และจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มสูงขึ้น จึงคาดการณ์จะยังคงสามารถรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงได้
ในส่วนของบางกอกแอร์เวยส์ นอกจากการเสนอขอปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมผู้โดยสารเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้กองทุนโดยตรงแล้ว ยังมีการเพิ่มเส้นทางสมุย-ตราด การเพิ่ม Codeshare Partner กับ Silk Air และการพัฒนาพื้นที่บริเวณสนามบินสมุยในด้านต่างๆ ให้พร้อมรับนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ คุณวิโรจน์ ยังได้เปิดเผยถึงแผนการรับเครื่องบิน A319 เพิ่มเติมในปลายปีนี้และปีหน้า รวมถึงแผนการขยายเส้นทางการบินไปยังประเทศอินเดีย และบังคลาเทศ ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนการเดินทางมาทำธุรกิจ และท่องเที่ยวเมืองไทยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ปัจจุบัน KK-Fund มีกองทุนรวมอสังหาหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ 2 กองทุนคือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย และ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา มูลค่าทรัพย์สินกว่า 11,152 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2554) ซึ่งจากนี้ไป KK-Fund ตั้งเป้าในการเปิดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) เพิ่มขึ้น โดยจะเน้นทรัพย์สินที่มีศักยภาพที่ดีในการสร้างรายได้ และมีมูลค่าเพิ่มในอนาคตเป็นสำคัญ
- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต