"โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เอาท์ดอร์”ดังกล่าว เป็นการนำเฟอร์นิเจอร์มาจัดโชว์ในพื้นที่เปิดโล่ง ตกแต่งให้มีบรรยากาศสวยงาม ภายในโชว์รูมมีคอนเซ็ปต์Create Spaceเน้นบรรยากาศของ น้ำ ต้นไม้ โชว์เฟอร์นิเจอร์ในบรรยากาศธรรมชาติใจกลางเมืองหลวง โดยแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นส่วนๆ อาทิด้านหน้า จัดเป็นโชว์รูม โชว์คอลเลคชั่นใหม่ๆ รวมถึงคอลเลคชั่นที่มีประวัติในการออกแบบ หรือออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังของไทย ส่วนด้านหลังจะเป็นส่วนของธุรกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย และด้วยตัวสถาปัตยกรรมของอาคาร จะอำนวยความสะดวกและเหมาะแก่การจัดกิจกรรมโชว์ผลงานด้านการออกแบบหลากหลายสาขา ที่จะนำมาโชว์ในสถานที่แห่งนี้
“พร้อมกันนั้น เรายังมีแผนที่จะทำเลาจน์ในคอนเซ็ปต์ของเฟอร์นิเจอร์หวาย ที่ลูกค้าที่ชอบสิ่งที่เหมือนๆกัน ได้มาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการออกแบบ พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้ดีไซเนอร์ของไทยได้มีโอกาสโชว์ผลงานของพวกเขา ตามแนวคิดการดำเนินธุรกิจเหมือนๆกับเราที่จะเป็นแบรนด์ไทย ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ”
นอกจากนี้ นายวิวัฒน์ยังได้กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทในครึ่งปีแรก 2554 ว่า เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จากเป้าทั้งปีตั้งไว้ร้อยละ 20จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยที่ลูกค้าหันมาใช้ชีวิตภายนอกบริเวณบ้านมากขึ้น พร้อมทั้งการเปิดโชว์รูมแห่งใหญ่ในเดือนกันยายน ศกนี้ น่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ และเพิ่มยอดขายได้อีกทางหนึ่ง โดยบริษัทคาดการณ์ในปีนี้ จะมียอดขายรวมในประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น
"ที่ผ่านมา สัดส่วนลูกค้าในประเทศมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะลูกค้าชาวไทยเริ่มเชื่อมั่นในสินค้าของเรามากขึ้น มีการบอกต่อกันในกลุ่ม ซึ่งในระยะต่อไปเราจะรุกตลาดที่ขายแบบล็อตใหญ่มากขึ้น โดยจะเจาะกลุ่มตลาดคอนโดมิเนียม หมู่บ้านจัดสรร และโรงแรมห้าดาว ซึ่งล่าสุดมีโรงแรมที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราถึงกว่า 100แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับบริษัท โดยคาดว่าหลังจากเปิด "โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เอาท์ดอร์” ในเดือนกันยายนนี้แล้วจะทำให้เราเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในกลุ่มตลาดในประเทศอย่างแน่นอน" นายวิวัฒน์กล่าว