สำหรับทิศทางตลาดรับสร้างบ้านหรูในปัจจุบัน มีการแข่งขันสูงมากแต่อย่างไรก็ตามกลุ่มลูกค้าได้ให้ความเชื่อถือและไว้วางใจว่าดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ เป็นผู้นำในเรื่องการรับสร้างบ้านหรูสไตล์คสาสสิค หรือเรียกได้ว่าลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายแต่อย่างใด ส่วนการที่มีผู้ประกอบการรายอื่นๆ เข้ามาร่วมเล่นมากขึ้นในตลาดนี้คิดว่าเป็นการส่งผลที่ดี เพราะจะทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการในตลาดตัวจริงยังมีเพียงไม่กี่ราย เพราะผู้ประกอบการต้องมีประสบการณ์บวกกับความชำนาญสูง และที่สำคัญลูกค้าต้องได้เห็นของจริง ซึ่งความมั่นใจทั้งหมดมาจากที่ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ได้มีการรับสร้างบ้านมาแล้วทุกระดับทุกราคา แม้แต่บ้านหลังละ 200 — 300 ล้าน ขึ้นไปก็มีผลงานอ้างอิงได้หลายหลังซึ่ง จัดว่ามากเพียงพอที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอนตามสโลแกน "Trust Classic …Trust The Emperor House"
ส่วนในเรื่องต้นทุนค่าแรง และราคาวัสดุที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นนั้นทางบริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1. อาชีพอิสระ เช่น นักร้อง นักแสดง นักกีฬา 2. กลุ่มเจ้าสัวที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ 3. นักการเมือง 4. กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ และ 5. กลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งตอนนี้ลูกค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเอสเอ็มอี นอกจากนี้ยังมีการจัดการบริหารองค์กรภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการคัดสรรบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ หรือช่างฝีมือที่ดีมาก เพื่อลดระยะเวลาการทำงานลง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้มากขึ้น และสุดท้ายอาจต้องใช้วิธีการสต็อกวัสดุบางอย่าง เช่น เหล็ก หรือพูดคุยกับพันธมิตรวัสดุต่าง ๆ ที่สามารถตรึงราคาเพื่อลดต้นทุนการผลิตในอนาคต อย่างไรก็ดี แม้บริษัทจะสามารถบริหารจัดการองค์กรเพื่อรับมือกับภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นก็ตาม แต่การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน และวัสดุฯ อย่างต่อเนื่องจะส่งผลทำให้ราคาบ้านปรับขึ้น ซึ่งภายในไตรมาส 4 หรือหลังงานรับสร้างบ้าน 2011 นี้ เชื่อว่าทุกบริษัทคงจะปรับขึ้นราคาอย่างแน่นอน” นายสุรัตน์ชัย กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ บริษัทกนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์ จำกัด โทร 0-2284-2662