นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) (PAO) เปิดเผยว่าในวันนี้ 9 กันยายน 2554 หุ้น PAO จะกลับเข้ามาซื้อซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์ซึ่งได้พิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัทฯ มีคุณสมบัติครบถ้วนตามแนวทางและขั้นตอนการดำเนินการเพื่อขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนครบถ้วนแล้ว ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงเห็นควรให้หลักทรัพย์ของ PAO พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน และเข้าซื้อขายได้แล้ว
เขากล่าวต่อว่าการที่หลักทรัพย์ PAO ได้กลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้ง ถือเป็นความสำเร็จของคณะผู้บริหารชุดใหม่ ที่นำธุรกิจใหม่เข้ามาคือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทีมงานมีประสบการณ์และมีความชำนาญอยู่แล้ว เนื่องจากดำเนินธุรกิจนี้มาเป็นเวลากว่า 20 ปี และที่ผ่านมาก็สร้างผลประกอบการที่ดีเติบโตต่อเนื่องทุกปี และการเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้น เพื่อที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง เพราะการเป็นบริษัทจดทะเบียนจะทำให้ชื่อเสียงของ “อั่งเปา แอสเสท” เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีช่องทางในการระดมทุนมากขึ้น ซึ่งทำให้มีโอกาสเพิ่มมากขึ้นในการที่จะขยายกิจการให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างรายได้ให้เกิดแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีทิศทางที่สดใส อันเนื่องมาจากภาครัฐมีนโยบายผลักดันเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่สนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง จึงมีนโยบายสนับสนุนในการซื้อบ้านหลังแรกจะส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดี อีกทั้งยังมีการขยายตัวของระบบคมนาคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อภาคธุรกิจด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ PAO วางเป้าหมายที่จะเป็นผู้ประกอบการติดอันดับ 1 ใน 10 ของวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใน 5 ปีนับจากนี้ โดยปัจจุบัน PAO มีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการจำนวน 7 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยมีสินค้าที่สามารถสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในทุก Segment อย่างครบถ้วน ส่วนแผนงานในปี 2555 คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2-3 โครงการ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งหากศึกษาแล้วเห็นว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุน รวมทั้งสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าวสนับสนุนในการลงทุน ก็พร้อมจะดำเนินการทันที ซึ่งโครงการที่บริษัทฯ กำลังศึกษานั้น มีทั้งแนวราบและแนวสูง