นายชัยรัตน์ ชูประภาวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงศ์บราเดอร์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงภายใต้แบรนด์ “MAXXMA” (แม็กซ์ม่า) จากประเทศเกาหลี เปิดเผยว่า สภาพตลาดฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารบ้านเรือนในช่วงนี้ อยู่ในภาวะชะลอตัวลงเล็กน้อยแต่ไม่มากนักตามตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวจากการรอดูนโยบายของภาครัฐเกี่ยวกับการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
“กำลังซื้อเริ่มชะลอตัว ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยหาเสียงด้วยนโยบายดอกเบี้ยบ้าน 0% นาน 5 ปี ตามด้วยความไม่ชัดเจนของมาตรการ ทั้งคุณสมบัติของผู้ซื้อ ราคาบ้าน ระยะเวลาในการปล่อยกู้ และล่าสุด เปลี่ยนเป็นการหักลดหย่อนภาษีแทน ยิ่งทำให้ผู้ซื้อยิ่งชะลอการตัดสินใจซื้อลง แต่คาดว่า เมื่อภาครัฐประกาศนโยบายที่ชัดเจนแล้ว กำลังซื้อจะกลับมาเช่นเดิม”นายชัยรัตน์ กล่าว
ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เพื่อเร่งยอดขายในช่วงที่กำลังซื้อจะกลับมา หลังจากที่ภาครัฐประกาศนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นช่วงที่ผู้ซื้อจะเลือกซื้อบ้าน โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายไว้ที่ 12-15 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 20% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 50 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมาที่มียอดขายเพียง 40 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโตขึ้นประมาณ 30%
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวฟิล์มกรองแสง Maxxma Max รุ่น Nano ceramic film มี 4 รุ่น ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตารางฟุตละ 180 บาท เป็นฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารบ้านเรือนที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูง เคลือบด้วยผงเซรามิคโมเลกุลเล็ก ผสมสารป้องกันรังสี ยูวี และอินฟาเรด ปิดทับด้วยสารกันรอยที่มีความแข็งแรงสูง ช่วยให้เนื้อฟิล์มใสไม่ขุ่นมัว เนื้อฟิล์มมีความเคลียร์สูงแสงสะท้อนต่ำ ให้ภาพคมชัด สบายตาทั้งเวลากลางวันและกลางคืน สีฟิล์มคงทนไม่ซีดจาง ไม่เป็นรอยขูดขีดและรักษาง่าย ป้องกันรังสีอันตรายและลดความร้อนได้สูง และยังป้องกันรังสี ยูวี ได้มากกว่า 99% ทั้งยังช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศภายในอาคารด้วย
สำหรับแผนด้านการตลาดนั้น จะเน้นการทำตลาดเชิงรุก ซึ่งในช่วงนี้จะเร่งขยายตลาด Maxxma Max ด้วยการสื่อสารตรงและสร้างการรับรู้ จัดการส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ จะเน้นการออกบูธแนะนำสินค้า ซึ่งจะเจาะกลุ่มไปที่งานเกี่ยวกับวงการบ้าน สถาปนิก งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งด้วย
ขณะเดียวกัน จะทำตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่าย โดยให้ตัวแทนจำหน่ายแนะนำ Maxxma Max ควบคู่ไปกับฟิล์มกรองแสง MAXXMA รุ่นอื่นๆ ให้กับลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่าที่ติดฟิล์มกรองแสง MAXXMA มากกว่า 12,000 ราย โดยตั้งงบการตลาดรวมโฆษณาประชาสัมพันธ์ไว้กว่า 10% ของยอดขาย
นอกจากนี้ จะเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจำหน่ายที่มีจำนวนกว่า 200 รายทั่วประเทศ และจะเร่งยกระดับและมาตรฐานการให้บริการและการติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่ตัวแทนจำหน่ายทุกแห่ง และมีแผนที่จะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย10-15% เพื่อให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยจะเน้นไปที่ตลาดในกรุงเทพฯเป็นหลัก เพราะมีพื้นที่เกิดใหม่จากการขยายตัวของบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ)
ด้านการแข่งขันนั้นไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากผู้ผลิตและจำหน่ายฟิล์มกรองแสงทั่วไป จะเน้นไปที่ตลาดรถยนต์ ขณะที่ตลาดฟิล์มอาคารบ้านเรือนเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหม่ ผู้ผลิตและจำหน่ายจึงให้ความสนใจไม่มากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯตระหนักดีว่า ฟิล์มกรองแสงเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจและคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ อาคารสูง ทั้งคอนโดมิเนียมพักอาศัยและอาคารสำนักงานจะหันมาใช้ฟิล์มกรองแสงมากขึ้น เพราะนอกจากจะกันความร้อนแล้ว ยังมีความสวยงาม อีกทั้งยังดูแลรักษาง่าย ที่สำคัญยังไม่ต้องกังวลกับปัญหาฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมของแหล่งเชื้อโรค
“ขณะนี้มีผู้จำหน่ายฟิล์มกรองแสงบางราย เริ่มหันมาทำตลาดฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารแล้ว บริษัทถือเป็นรายแรก ๆ ที่ประกาศทำตลาดอสังหาริมทรัพย์ก่อนคู่แข่ง ”
นายชัยรัตน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ เป้าหมายของบริษัทไม่ได้อยู่ที่ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องการอีกอย่างคือ การทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับและมีคุณภาพ มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าใหม่ๆที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ทุกกลุ่ม”