นายประสาท เกศวพิทักษ์ ประธานกรรมการ AFET เปิดเผยว่า ปัจจุบันที่ความต้องการใช้ยางพารามีการขยายตัวในระดับสูงไปตามเศรษฐกิจโลกนั้น สินค้ายางแท่ง (STR 20) ซึ่งมีส่วนแบ่งมากที่สุดในกลุ่มสินค้ายางพาราที่ไทยส่งออกคือ 1.1 ล้านตันในปีที่ผ่านมา ก็มีการขยายตัวขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน AFET จึงกำหนดที่นำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ายางแท่งเข้ามาซื้อขาย เพิ่มเติมจากยางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่มีการซื้อขายใน AFET อยู่แล้วในขณะนี้ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าทุกฝ่าย สามารถเข้ามาใช้กลไกซื้อขายล่วงหน้าในการบริหารและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา ซึ่งจะส่งผลดีไปถึงเกษตรกรผู้เพาะปลูกในที่สุด
ทพ.พงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต นายกสมาคมยางพาราไทย ชี้ว่า ไทยยังคงระดับความเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกยางพาราของโลก และที่ผ่านมาผู้ประกอบการสินค้ายางพาราได้ใช้กลไกของการซื้อขายล่วงหน้าใน AFET ลดความเสี่ยงและเพิ่มศักยภาพทางการค้าให้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้การที่ไทยซึ่งเป็นประเทศผู้ขายและส่งออกสินค้ามีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของเราเองนั้นมีส่วนช่วยเสถียรภาพราคาให้เกิดราคาอ้างอิงที่โปร่งใสเป็นธรรม ไม่ถูกกดดันราคาจากประเทศผู้ซื้อ ทั้งยังสามารถยกระดับราคาไปตามกลไกความต้องการของตลาดโลก ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2547 ที่มีการเปิด AFET เป็นต้นมาระดับราคายางอยู่ในระดับสูงเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งราคาที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นนี้คิดเป็นมูลค่ามหาศาลและเป็นประโยชน์ในทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเกษตรกรผู้เป็นรากฐานของประเทศ ก็ได้รับประโยชน์จากกลไกราคาของ AFET ดังกล่าว เช่น การใช้ AFET มีผลทำให้ราคายางที่ขายได้เพิ่มขึ้นเพียง กก.ละ 1 บาท จากปริมาณส่งออก 3 ล้านตัน จะก่อให้เกิดรายได้เพิ่มให้เกษตรกรถึง 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ขณะที่ AFET และสมาคมยางพาราไทยได้ร่วมกันร่างกำหนดข้อกำหนดหรือสัญญาล่วงหน้ายางแท่ง (STR 20) เสร็จสิ้นแล้ว และคาดว่าจะเริ่มซื้อขายได้ในเดือนตุลาคมนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณอิสราพร กิจไพฑูรย์
ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET)
โทร 0-2263-9888, 0-2251-9535 หรือ www.afet.or.th