นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารได้ออก 7 มาตรการ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินอย่างครบวงจรกับผู้ประสบอุทกภัยเมื่อช่วงเดือนเมษายน รวมทั้งให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า ในขณะนี้ได้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ธนาคารจึงได้ขยาย 7 มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปีนี้
สำหรับ 7 มาตรการ ประกอบด้วย เงินกู้กรุงไทยสู้อุทกภัย ให้วงเงินกู้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหาย เพื่อใช้ฟื้นฟูกิจการ โดยในปีที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ย MLR-1%ต่อปี หลังจากนั้นคิด MLR ผ่อนชำระนานถึง 5 ปี สามารถใช้หลักประกันเดิม เงินทุนหมุนเวียนกรุงไทยสู้อุทกภัย ให้เงินกู้เป็นทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่อง โครงการกรุงไทยสู้อุทกภัย สำหรับลูกค้าที่ไม่ประสงค์กู้เพิ่ม ธนาคารให้พักชำระเงินต้นนาน 6 เดือน สินเชื่อที่อยู่อาศัยกรุงไทยสู้อุทกภัย ธนาคารให้วงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมกับลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เต็มตามจำนวนเงินที่ได้ผ่อนชำระกับธนาคาร โดยไม่ตรวจสอบประวัติทางการเงิน ไม่ต้องประเมินราคาหลักทรัพย์ รวมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมการนำนิติกรรมจำนอง คิดดอกเบี้ย MRR-1.75 % ต่อปี ในปีแรก หลังจากนั้นคิด MRR-0.50% ต่อปี ผ่อนชำระสูงสุดนานถึง 60 งวด
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กล่าวต่อไปว่า มาตรการต่อไปคือ กรุงไทยจับคู่ธุรกิจสู้อุทกภัย โดยจัด Business Matching ระหว่างผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายกับผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและเครื่องจักรอุปกรณ์ผู้รับเหมา เพื่อให้สามารถปรับปรุงซ่อมแซมกิจการในราคาพิเศษ สินเชื่อเพื่อพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อการฟื้นฟูหลังอุทกภัย ดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 4% ต่อปี หลังจากนั้น คิดอัตราเงินฝากประจำ 6 เดือนบวก 1.65% ต่อปี ปลอดเงินต้น 6 เดือน โดยธนาคารได้กำชับให้หน่วยงานอำนวยสินเชื่อ พิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อ เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งการโอนเงินเพื่อบริจาค และโอนเงินเพื่อช่วยเหลือญาติพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ โดยขณะนี้ได้มีหน่วยงานต่างๆ ได้เปิดบัญชีกับธนาคารเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เช่น บัญชีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เลขที่บัญชี 067-0-06895-0