ความคืบหน้าล่าสุด ทีมนักวิจัยได้ลงพื้นที่ในชุมชน 96 แห่งทั่วกรุงเทพมหานครแล้ว เพื่อประเมินความคิดเห็นของคนในชุมชนเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางสังคม รับทราบความเป็นอยู่ ความพึงพอใจต่อคุณภาพชีวิต รวมทั้งมีการประชุมระดมความคิดเพื่อจัดทำแผนพัฒนาเพื่อการปรองดองในชุมชน ความต้องการของชุมชน การพัฒนาชุมชนในอนาคต และร่วมเสนอกิจกรรมที่ต้องการให้เกิดการพัฒนา ทั้งกิจกรรมที่ชุมชนสามารถทำได้เอง กิจกรรมที่ชุมชนทำร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานอื่นๆ และกิจกรรมที่ขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ และหน่วยงานอื่นๆ
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การสำรวจพื้นที่ทั้ง 96 ชุมชน มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งตามกำหนดการจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ โดยกรุงเทพมหานครจะมีเงินสนับสนุนให้ชุมชนละ 150,000 บาท โดยมอบหมายให้มหาวิทยาลัยในแต่ละเขตเป็นผู้ช่วยดูแลการใช้จ่ายงบประมาณ และ ติดตามผล ทั้งนี้ชุมชนแต่ละแห่งอาจจะทำได้มากกว่า 1 โครงการ โดยเงินจะไปถึงประมาณเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครหวังว่าชุมชนนำร่องเหล่านี้จะเป็นแนวทางให้กับการวางแผนแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในชุมชนอื่นๆ ต่อไป เพื่อนำไปสู่ความปรองดองและทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างแท้จริง
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า โครงการนี้นับเป็นอีกบทบาทหนึ่งของมหาวิทยาลัยในการให้บริการชุมชน และการที่โครงการได้เชิญเครือข่ายสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน มาร่วมด้วย ก็นับว่าเป็นการบูรณาการร่วมกันของหลายๆ ฝ่าย ทำให้ได้ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนให้น่าอยู่ มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน การลงพื้นที่ทำให้เรารับรู้สถานการณ์ของชุมชนในปัจจุบัน และรู้ว่าชุมชนคาดหวังอะไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้า อะไรคือเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ชุมชนเป็นไปตามที่คาดหวัง และโครงการอะไรที่ชุมชนอยากพัฒนาเร่งด่วน บางแห่งอาจจะต้องการพัฒนาด้านการศึกษา แต่บางแห่งอาจจะต้องการเทคโนโลยี หรือต้องการอาชีพ
ผศ.เทอดศักดิ์ ศรีสุพล หัวหน้ากลุ่มพื้นที่กรุงเทพกลาง กล่าวว่า การวิจัยของโครงการ ลด เหลื่อม ล้ำ จะทำการสำรวจความเหลื่อมล้ำทางสังคมใน 6 ประเด็น คือ 1) การเข้าถึงระบบการศึกษาและการพัฒนาเยาวชน 2) การพัฒนาด้านกายภาพของชุมชน 3) การแก้ไขปัญหาความยากจน และสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชน 4) การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมโดยอำนาจรัฐ 5) การเข้าถึงทรัพยากรของรัฐ 6) การแสดงความคิดเห็น โดยเริ่มจากการวิจัยเชิงคุณภาพก่อน หลังจากนั้นจะทำวิจัยเชิงปริมาณ โดยแบ่งประชากรเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มนำร่อง 96 ชุมชน กลุ่มที่สอง ชุมชนที่จดทะเบียนในกรุงเทพมหานคร ประมาณ 2 ล้านคน กลุ่มสุดท้าย ชุมชนที่ไม่ได้จดทะเบียนกับกรุงเทพมหานคร ประมาณ 3 ล้านคน โดยจะเริ่มเก็บผลสำรวจทัศนคติเกี่ยวกับปัญหาต่างๆของคนในชุมชนทั้ง 3 กลุ่ม ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม หลังจากเงินสนับสนุนจากกรุงเทพมหานครมาถึงชุมชนแล้ว จะทำการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณอีกครั้งเพื่อนำผลสำรวจที่ได้มาสนับสนุนการวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งนิด้าจะเป็นผู้รวบรวมปัญหาต่างๆนำเสนอกรุงเทพมหานคร เพื่อวางแผนและแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในแต่ละชุมชนต่อไป