นายประมวล จันทร์พงษ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบหลอดผอมเบอร์ 5 ให้กับจังหวัดเลย ว่า “กระทรวงพลังงานปรับเปลี่ยนหลอดไฟของศาลากลางจังหวัดเลยเป็นหลอดผอมเบอร์ 5 จำนวน 2,404 หลอด ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณในการจ่ายค่าไฟฟ้าได้ถึง 272,000 บาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 45 ตันต่อปี อันจะเป็นตัวอย่างอาคารภาครัฐที่มีการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดภาวะโลกร้อน โอกาสนี้ จึงขอความร่วมมือร่วมใจจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของ ศาลากลางจังหวัดเลยทุกท่าน ได้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ อาคารอื่นๆ และประชาชนทั่วไปด้วย”
นายชัยภัทร หิรัณยเลขา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า “ปัจจุบันการใช้พลังงานในอาคาร ศาลากลางจังหวัดฯ ส่วนใหญ่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก โดยในปี 2553 มีการใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 337,988 หน่วยต่อปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 1,178,750 บาทต่อปี การดำเนินการเรื่องการประหยัดพลังงานที่ผ่านมาจังหวัดฯ ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานของกระทรวงพลังงาน ได้แก่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานพลังงานจังหวัดเลย ในการเผยแพร่ความรู้ในหลายๆ เรื่อง เช่น การใช้ไฟฟ้า อย่างประหยัด การจัดทำแผนพลังงานชุมชน เป็นต้น และยังได้รับความอนุเคราะห์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้ามาปรับเปลี่ยนหลอดผอมแบบเดิมเป็นหลอดผอมเบอร์ 5 ซึ่งเป็นหลอดที่มี ประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ จากข้อมูลของทีมงาน กฟผ. ที่เข้ามาปรับเปลี่ยน พบว่า สามารถลดกำลังไฟฟ้า ที่ใช้ในหลอดลงได้มากกว่าร้อยละ 30 เกิดผลประหยัดประมาณ 78,000 หน่วยต่อปี เป็นเงิน 271,000 บาทต่อปี นอกจากผลประหยัดที่ได้รับแล้ว หลอดผอมเบอร์ 5 ยังให้ความสว่างมากกว่าหลอดเดิมด้วย ซึ่งเป็นการช่วย เพิ่มคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการ และประชาชนผู้มาติดต่อใช้บริการ ให้ดียิ่งขึ้น”
กระทรวงพลังงานจะปรับเปลี่ยนอุปกรณ์หลอดฟลูออเรสเซนต์เดิม เป็นหลอดผอมเบอร์ 5 ในอาคารภาครัฐ รวม 680 แห่ง นอกจากนี้ ยังจัดทำ “โครงการส่งเสริมและกำกับดูแลอาคารควบคุมภาครัฐ” เพื่อให้สนับสนุน และช่วยเหลืออาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอิสระ รวมประมาณ 800 แห่ง ให้สามารถดำเนินการอนุรักษ์พลังงานได้ถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมาย โดยคาดว่า หลังจากเสร็จสิ้นโครงการ ดังกล่าวแล้ว ในปี 2554 จะสามารถประหยัดพลังงานได้เทียบเท่าน้ำมันดิบประมาณ 25,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 620 ล้านบาทต่อปี และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 147,000 ตันต่อปี