พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการกับคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นคดีสืบสวนเลขที่ 171/54 ซึ่งจะต้องมีการรวบรวมหลักฐานและข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะสรุปว่ากรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ สำหรับการพิจารณาในคดีดังกล่าวมี 2 แนวทาง คือ หากเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามที่คณะกรรมการคดีพิเศษได้กำหนดคดีพิเศษไว้จำนวน 27 คดี ก็จะเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติ แต่หากไม่เข้าข่ายก็จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ คปค. อนุมัติให้เป็นคดีพิเศษต่อไป
ทั้งนี้ได้กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสืบสวนในทางลับมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา โดยได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเข้ามา จึงได้มีการดำเนินการสืบสวนหาข้อมูลคดีดังกล่าวเรื่อยมา พร้อมทั้งระบุว่าการตรวจสอบกรณีดังกล่าวไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างแน่นอน และยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบด้วยความโปร่งใสและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยจะเร่งดำเนินการสืบสวนคดีดังกล่าวให้เร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่กรุงเทพมหานครจะดำเนินการจัดส่งให้ ซึ่งการสอบสวนจะมีการตรวจสอบใน 3 ประเด็นหลัก คือ มีการฮั้วประมูลกับบริษัทเอกชนหรือไม่ มีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดหาซื้อกล้องวงจรปิด กับบริษัทเอกชนหรือไม่ และมีนักการเมืองเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ขอให้กรุงเทพมหานครดำเนินการจัดส่งเอกสารให้ภายใน 3 วัน
รองปลัดกรุงเทพมหานครกล่าวว่า กรุงเทพมหานครพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และจะนำหนังสือที่ได้รับไปมอบให้ปลัดกรุงเทพมหานครดำเนินการต่อไป