โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีซึ่งเป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจและแหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศจึงทำให้โรงเรียนมีโอกาสที่จะร่วมขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่ออาชีพและปลอดยาเสพติดโดยมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมเป็นต้นแบบของสถาบันการศึกษาในภูมิภาคตะวันออกของประเทศผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการปราบปราม และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
โดยดำเนินการจัดพื้นที่เชิงสร้างสรรค์เป็นศูนย์รวมของการเตรียมความพร้อมให้เด็กนักเรียนทุกคนเข้าสู่การประกอบอาชีพที่สุจริตและปลอดยาเสพติด จัดทำระบบฐานข้อมูลเฝ้าระวังรักษาคุณภาพเด็กนักเรียนทุกคนผ่านเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ค พัฒนาคุณภาพการศึกษาและลดปัญหายาเสพติด จัดฝึกอบรมคณะครู บุคลากรและนักเรียนโดยคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน สสส. นักวิชาการจากสถาบันการศึกษา และนักปราชญ์ผู้รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเลือกตามความสนใจและความถนัดของนักเรียนและบุคลากรทุกคนของโรงเรียน และการแต่งตั้งคณะทำงานรับผิดชอบให้โครงการดังกล่าวนี้มีประสิทธิภาพจริงจังอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีหน่วยงานรับผิดชอบหลักเกี่ยวกับการเข้าถึงชุมชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใต้โครงการชุมชนสามยอดของกองบังคับการปราบปรามจึงมีความพร้อมในการเสริมสร้างความร่วมมือกับโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาซึ่งถือว่าเป็นชุมชนอีกแห่งหนึ่งและที่สำคัญคือเป็นชุมชนที่มีกลุ่มเด็กและเยาวชนนักเรียนจำนวนมากที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจำเป็นต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบปกปักษ์รักษาคุณภาพของพวกเขาเหล่านี้เพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมไทยในอนาคต
ภารกิจหลักที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่ออาชีพและปลอดยาเสพติดคือ การเข้าร่วมเป็นวิทยากรให้กับคณะครูและนักเรียนในการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด การร่วมเป็นวิทยากรแนะนำอาชีพสุจริตให้กับนักเรียนและบุคลากรของโรงเรียน และการร่วมเปิดพื้นที่เชิงสร้างสรรค์ให้กับนักเรียนทุกคนที่สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในการดูแลชุมชนของตนเอง เป็นต้น
หลังจากนี้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมเป็นคณะทำงานกับทางโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาขับเคลื่อนนโยบายพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดและพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่ออาชีพและปลอดยาเสพติดต่อไป
ทางด้านคุณนวลอนันต์ ตันติเกตุ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อรับมือกับสิ่งยั่วยุรอบๆ ด้าน ถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ ส่วนหนึ่งมาจากสัมพันธภาพระหว่างสมาชิกในครอบครัวที่เปราะบาง ทำให้เกิดการทำร้ายร่างกาย จิตใจ จากคนในครอบครัวเอง โดย สสส. มีแผนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว มุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชน ด้วยการร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ซึ่งการแก้ปัญหาควรเริ่มจากการสร้างต้นทุนชีวิต ที่ประกอบด้วย พลังปัญญา พลังครอบครัว พลังสังคม ชุมชน พลังการรู้เท่าทันสื่อ และพลังตัวตน โดยครอบครัว ชุมชนและภาครัฐ ต้องร่วมกัน เช่น การสร้างพื้นที่ สร้างกิจกรรมให้รู้จักเสียสละ เกิดจิตสำนึกการเป็นผู้ให้ ซึ่งจะสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง เพราะวัยรุ่น เป็นวัยที่ต้องการแสดงพลังให้ได้รับการยอมรับ หากส่งเสริมอย่างสร้างสรรค์ จะเกิดเป็นพลังทางบวก ที่ไม่จำเป็นต้องทำตามเพื่อนในเรื่องผิดๆ เพื่อให้ได้รับการยอมรับ
อนึ่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ชี้แจงถึงกรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ร้องเรียนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของอาจารย์ท่านหนึ่งนั้น ขณะนี้ คณะกรรมการโรงเรียนได้มีบทลงโทษด้วยการตักเตือนและสั่งให้พักงานเป็นเวลา 2 เดือน พร้อมระงับจ่ายเงินค่าตอบแทนตลอดระยะเวลาที่มีการพักงาน งดโบนัสปลายปี ไม่พิจารณาความดีความชอบ และขึ้นเงินเดือนประจำปีแล้ว ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน ทั้งนี้ หากพบว่า อาจารย์คนดังกล่าว ยังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอีก ทางคณะกรรมการก็จะลงโทษขั้นเด็ดขาดโดยการให้ออกจากงานโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ยังกล่าวว่า ในการลงโทษบุคลากรนั้น เรายึดตามข้อเท็จจริง และกฎระเบียบข้อบังคับและกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องแยกเป็น 2 กรณีคือ การปฏิบัติหน้าที่และการลงโทษว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากอะไรซึ่งในรายละเอียดแล้วทางโรงเรียนไม่ต้องการกล่าวโทษเด็กในการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะและใช้วาจาก้าวร้าวจนทำให้อาจารย์ผู้สอนไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ แต่หากมองอีกมุมก็ต้องบอกว่า การกระทำของผู้เป็นอาจารย์ในการลงโทษเด็ก ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงกับเด็ก เพราะเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง โดยทางโรงเรียนก็ได้มีบทลงโทษไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางผู้บริหารโรงเรียน ให้ความสำคัญสำหรับเรื่องนี้ และไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยเข้มงวดในการคัดสรรบุคลากรที่ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ รวมถึงคุณธรรมและจริยธรรมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเด็กนักเรียนและในฐานะพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ และแบบอย่างที่ดีแก่ลูกศิษย์ ทั้งนี้ ทางโรงเรียนพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนจากผู้ปกครองอย่างจริงใจ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์ประสานงานเครือข่าย โครงการบทบาทของอัสสัมชัญศรีราชาในการร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่ออาชีพและปลอดยาเสพติด โทร. 02-7191550 (จำปา อรพินท์)