ความสนุกสนานในโครงการ “Driving Skills for Life — ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย” ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 โดยฟอร์ด ประเทศไทย ในครั้งนี้ ไม่เพียงเหล่าบรรดาสาวสวยจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศสวยของไร่องุ่น ซิลเวอร์ เลค พัทยา จ.ชลบุรี ในทริปการแข่งขันการขับขี่ปลอดภัยประหยัดน้ำมัน ที่ก่อนจะออกเดินทาง สาวๆ ยังได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีต่างๆ ก่อนลงมือปฏิบัติบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าสาวๆ ยังได้รับคำตอบที่คาใจ เกี่ยวกับการใช้รถที่ถูกต้อง เพื่อความความปลอดภัย และช่วยประหยัดน้ำมัน ที่ผู้หญิงต้องรู้ จาก เชษฐา ศรีกาญจนเพริศ วิทยากรฟอร์ด ซึ่งเผยว่า “เชื่อว่าหลายคนมักจะเคยได้ยินว่า “อ๋อ คันหน้าผู้หญิงขับ” แล้วผู้หญิงก็จะเกิดความกังขาว่า แล้วผู้หญิงขับรถมันเป็นอย่างไร ต่างกันตรงไหนหรือ ซึ่งต้องมาพิจารณาและเข้าใจในธรรมชาติการขับรถระหว่างผู้หญิงและผู้ชายกันก่อนว่า ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะมีพฤติกรรมการขับรถที่เร็ว และมีการตัดสินใจที่ชัดเจนและไว แต่ในขณะที่พื้นฐานของผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นเพศที่ขี้กลัว การตัดสินใจช้า ดังนั้นเวลาขับรถ พอมีช่วงจังหวะให้ออกได้ ก็จะลังเลออกไม่ออก ในขณะที่คันหลังเป็นผู้ชายขับมาด้วยความเร็วชนท้ายเข้า อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย การขับขี่รถยนต์สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สติ และสมาธิ รวมถึงการฝึกฝนในการขับขี่ที่ต้องมีความชำนาญ และการกล้า”
นอกเหนือจากภาคทฤษฎีขั้นพื้นฐานที่เหล่าสาวๆ ได้เรียนรู้ อาทิ การปรับเบาะนั่งที่เหมาะสม, คาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลา, การปรับกระจกมองข้าง และกระจกมองหลัง ที่เหมาะสม, การจับและหมุนพวงมาลัยที่ถูกวิธี, ตำแหน่งการวางเท้าที่ถูกวิธี, การรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า ประมาณ 3 วินาที, การมีสมาธิในการขับ, การใช้เบรกในสถานการณ์ต่างๆ และการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดแล้ว
เหล่าสาวๆ ยังได้ซักถามไขข้อข้องใจจากกูรูผู้รอบรู้ของรถยนต์ฟอร์ด อาทิ หาก คันเร่งค้าง จะทำอย่างไร ซึ่งหากรถยนต์มีอาการคันเร่งค้าง สิ่งแรกที่ควรทำคือ ควรตั้งสติแล้วลองเหยียบเบรก หากเหยียบแล้วรถยังไม่ชะลอหยุด ให้ลองเปลี่ยนมาเป็นเกียร์ว่าง จากนั้นยกเบรกมือขึ้น โดยดึงขึ้นยกลงย้ำๆ หลายๆ รอบ ซึ่งหากความเร็วยังไม่ลดลง ให้ดับเครื่องยนต์ทันที หรือหากขับรถขณะฝนตกแล้วเกิดฝ้าขึ้นที่บริเวณกระจกด้านข้าง วิธีการแก้ไขคือการกดปุ่มละลายฝ้า พร้อมกับปรับเร่งแอร์ให้เย็นขึ้น เพราะการเกิดฝ้าที่กระจกนั้น เกิดจากอุณหภูมิภายในห้องโดยสารสูงกว่าอุณหภูมิภายนอกรถยนต์ที่เย็นกว่า หรือ การจอดรถติดระหว่างขึ้นสะพาน
หรือติดไฟแดง ควรทำอย่างไร ควรจะเข้าเกียร์ว่าง แล้วดึงเบรกมือขึ้นด้วย เพราะหากเปลี่ยนเกียร์มาไว้ที่เกียร์จอดรถ หากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน การเปลี่ยนจากเกียร์ว่าง มาที่เกียร์ขับรถ จะสะดวกและทันท่วงทีกว่า การยืดอายุการใช้งานที่ปัดน้ำฝน พยายามหลีกเลี่ยงการจอดตากแดด และไม่ควรยกที่ปัดน้ำฝนขึ้น เพราะจะทำให้สปริงที่ข้อต่อเสียได้ และการเปลี่ยนผ้าเบรกรถยนต์ ก่อนเปลี่ยนให้เช็คที่น้ำมันเบรกว่าพร่องลงไปไหม หรือเวลาเหยียบเบรกแล้วมันเหยียบลึกมากไปหรือไม่ แต่ระยะเวลาที่ควรเปลี่ยนโดยประมาณคือ 50,000 ก.ม. หรือ 2 ปี
เมื่อได้เรียนรู้หลักทฏษฎี ก็ถึงเวลาที่เหล่าสาวๆ ได้ลองลงมือปฏิบัติกับการแข่งขันและเรียนรู้วิธีการขับขี่ประหยัดน้ำมัน และปลอดภัย โดยมีจุดมุ่งหมายที่ ซิลเวอร์ เลค พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งทีมชนะในการขับขี่ประหยัดน้ำมัน และปลอดภัย คือ คู่เพื่อนซี้ ผู้ประกาศข่าว กุณฑีรา ปัจฉิมสวัสดิ์ และศศิชา รัตนถาวร ที่สามารถขับขี่รถยนต์ประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด ซึ่งเฉลี่ยน้ำมัน 1 ลิตรต่อระยะทาง 20.76 ก.ม. โดย มายด์ - กุณฑีรา ปัจฉิมสวัสดิ์ ผู้ประกาศข่าวและพิธีกร เผยถึงการชนะในครั้งนี้ว่า “มายด์ได้ลองทำและเรียนรู้ตามที่เทรนเนอร์บอก คือขับความเร็วไม่เกิน 90 ก.ม./ช.ม. ประกอบกับดูไมล์รถยนต์ให้สัมพันธ์กัน คือวิ่งที่ 2,000 — 2,500 รอบ พร้อมกับปรับแอร์ให้ได้ความเย็นที่ 25?C”
ผู้เข้าร่วมแข่งขันทีมอื่นๆ เช่น หญิงแอร์ - ม.ร.ว.จันทรลัดดา ยุคล เผยว่า “เคยมีประสบการณ์อุบัติเหตุไม่คาดฝัน ขับรถชนเสยเสาไฟฟ้าที่หน้ามหาวิทยาลัย แรงขนาดว่าถุงลมนิรภัยออกมาทำงาน ตัวเองก็บาดเจ็บแต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก หลังจากนั้นมาทำให้การขับขี่รถยนต์จะระมัดระวังมากขึ้น ไม่ขับรถเร็วจนเกินไป อย่างที่ได้มาอบรมในโครงการนี้ เทรนเนอร์ได้พูดถึงเข็มขัดนิรภัย มีส่วนช่วยมากจริงจริงๆ ค่ะ เพราะวันนั้นถ้าตัวเองไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยคงจะเป็นอุบัติเหตุที่หนักกว่านั้นมาก ต้องยอมรับว่าการมาอบรมในครั้งนี้ มีบางเรื่องที่เรารู้อยู่แล้ว แต่ก็มีบางเรื่องที่เราไม่รู้ รวมถึงการดูแลรักษารถยนต์อย่างไรให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัย โดยไม่เกิดอุบัติเหตุทั้งตัวเอง และผู้อื่น ถือว่าเป็นการมารื้อฟื้นความจำอีกรอบค่ะ”
ในขณะที่คู่เพื่อนซี้นางงาม อย่าง กวาง - ฟ้ารุ่ง ยุติธรรม มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส 2550 และ กี้ - รฐกร สถิรบุตร รองอันดับ 2 มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2552 เผยถึงการมาร่วมในโครงการนี้ โดยนางงามรุ่นพี่ ฟ้ารุ่ง เผยว่า “การมาอบรมในโครงการนี้ดีมากค่ะ และก็สนุกมาก ต้องยอมรับว่าความรู้ที่ได้รับมาในครั้งนี้มีประโยชน์มาก บางเรื่องเป็นเรื่องที่เรารู้ แต่ลืม หรือไม่ได้ทำ ก็มี อย่างการขับขี่ประหยัดน้ำมัน กวางรู้นะว่าถ้าเราขับไม่เกิน 90 ก.ม. / ช.ม. จะประหยัดน้ำมัน แต่เราไม่เคยทำ เพราะไม่เคยมีใครมาวัดให้เห็นเป็นรูปธรรม แต่วันนี้กวางเห็นแล้วค่ะว่ามันประหยัดน้ำมันได้จริง เพราะทีมชนะเขาขับตามที่อบรม น้ำมัน 1 ลิตร ขับได้ถึง 20.76 ก.ม. ในขณะที่ทีมเรามาเป็นอันดับที่ 4 ใช้น้ำมัน 1 ลิตรเท่ากัน แต่ขับได้ไกลแค่ 15.75 ก.ม. เท่านั้น ฉะนั้นที่ผ่านมาเราขับรถเผาผลาญน้ำมันไปมากขนาดไหน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ค่ะ ที่กวางจะนำมาปรับวิธีการขับขี่รถใหม่อีกครั้ง”
ด้าน สาวกี้ - รฐกร สถิรบุตร รองอันดับ 2 มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2552 เผยว่า “สนุกมากค่ะ เพราะระหว่างทางที่ขับมายังพัทยา พี่เทรนเนอร์ที่นั่งมาด้วย จะคอยสอนคอยบอกเทคนิคต่างๆ ซึ่งมีทั้งที่ตัวเองรู้อยู่แล้วบ้าง กับไม่เคยรู้เลย แต่มีคำพูดหนึ่งที่ตรงใจกี้ทำให้ต้องสะท้อนมองดูตัวเองคือ พี่เขาบอกว่าคนที่ขับรถเป็น กับ คนที่ขับรถได้ มันต่างกัน จึงทำให้รู้สึกว่าแล้วนี่ฉันขับรถเป็น หรือ ขับรถได้แค่ให้มันเคลื่อนตัวออกไปอยู่ ซึ่งทำให้กี้ต้องกลับมาปรับปรุงเรื่องการขับขี่รถของตัวเอง หากไม่รีบมาก เราก็ค่อยๆ ขับไปเรื่อยๆ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังเป็นการฝึกนิสัยในการขับขี่รถที่นุ่มนวลขึ้นด้วยค่ะ เพราะกี้เป็นคนที่ชอบขับรถมากค่ะ”
ส่วน ยุ้ย - ณพอาภา เทวกุล ณ อยุธยา เผยว่า “ด้วยความที่เป็นคนขับรถเร็ว ทำให้เราระมัดระวังแต่เรื่องอุบัติเหตุ แต่ไม่เคยระวังเรื่องการประหยัดน้ำมัน พอได้มาแข่งขันมันทำให้เราเห็นภาพมากยิ่งขึ้น ว่าถ้าเราปฏิบัติตามที่เทรนเนอร์บอก ขับที่ความเร็วเท่านี้ อุณหภูมิเท่านี้ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ หรือหากคันเร่งค้าง ถ้าเป็นเราที่อยู่ในสถานการณ์ ก็คงจะแค่เหยียบเบรก แต่จริงๆ แล้วเบรกมือก็ยังนำมาใช้ได้ แต่คนส่วนใหญ่อาจจะลืม หรือไม่รู้ จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้รู้ว่าบางครั้งการเลือกซื้อรถยนต์ เราไม่ควรจะตัดสินจากดีไซน์ที่สวยงาม แต่เราควรเลือกที่สมรรถนะในการขับขี่ที่จะช่วยให้เราปลอดภัยมากกว่า แต่นอกเหนือจากนั้นเราก็ต้องดูแลตัวเองด้วย เช่นต้องคาดเข็มขัดนิรภัย หรือท่วงท่าในการขับขี่ที่ต้องปลอดภัยด้วยเช่นกัน รวมถึงสมาธิสำคัญมาก ต่อให้รถดีขนาดไหน มีระบบเซฟตี้เลิศมากเท่าใด แต่หากคนขับขาดมาธิแล้วก็ไม่ช่วยอะไรค่ะ”
และเพื่อนสาวคนสนิท น้ำอบ - ม.ล.อรณิช กิติยากร เผยว่า “เป็นคนค่อนข้างใจร้อน พอเห็นถนนโล่งเป็นต้องเหยียบ พอได้มาอบรมได้ความรู้ที่เยอะมาก และที่สำคัญยังได้เรียนรู้ว่าการขับรถจะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา เพราะสิ่งไม่คาดฝันมันกเกิดขึ้นได้ทุกเวลาจริงๆ อุปกรณ์ในรถสามารถช่วยเหลือเราได้จริง แต่สติเราก็ต้องมี ในขณะเดียวกันก็ต้องเรียนรู้อุปกรณ์ด้วยว่า หากเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้นมา เราจะสามารถใช้อะไรก่อนหรือหลัง ซึ่งบางอย่างที่เทรนเนอร์บอกในวันนี้มันคือความจริงนะ อย่างหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เช่น คันเร่งเสีย มันมีวิธีที่เราจะเอาชีวิตได้มากมาย หากทำทุกอย่างแล้วไม่เป็นผล ก็ดับเครื่องซิ ทุกอย่างก็จบ ก็รอด แต่คนส่วนใหญ่มักจะชอบกลัวว่า ถ้าเกิดทำลงไปแล้วรถฉันจะเสียจะพังแน่ๆ แต่กลับไม่ยอมคิดว่าถ้าตัดสินใจทำแล้วชีวิตฉันรอด อะไรคือสิ่งที่มันคุ้มกว่ากัน”
สาวได้รู้เคล็ดลับดีๆ มากมายเกี่ยวกับการขับขี่ที่ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันกันไปแล้ว หลังจากนี้ไปจะมากล่าวหากันไม่ได้แล้วนะว่าคันหน้า “ผู้หญิงขับ”
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์