ธนชาต สยายปีก 680 สาขาทั่วประเทศ ให้บริการใกล้ชิดลูกค้ายิ่งขึ้น
ลั่นเดินหน้าเติบโตทุกด้าน รุกครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์
ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ประกาศความสำเร็จรวมกิจการธนาคารครั้งประวัติศาสตร์ ขึ้นแท่นแบงก์มีสาขามากอันดับ 5 ของประเทศ กว่า 680 สาขา ให้บริการทางการเงินใกล้ชิดลูกค้ายิ่งขึ้น ลั่นเดินหน้าขยายธุรกิจทุกด้าน ตั้งเป้าใน 2-3 ปี สินทรัพย์โตเป็น 1 ล้านล้านบาท สินเชื่อธุรกิจ บัตรเครดิต สินเชื่อเคหะ เติบโตในอัตราที่สูงกว่าอุตสาหกรรม ส่วนสินเชื่อรถยนต์ขอเป็นที่ 1 อย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายธุรกิจครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มผ่านเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตกับธนาคารนครหลวงไทยที่ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตรงตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งทุกขั้นตอนไปเป็นตามระเบียบของทางการ และประสบความสำเร็จด้วยดีเป็นไปด้วยความราบรื่นตามแผนที่วางไว้ ลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบและสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง การรวมกิจการครั้งนี้ทำให้ธนาคารธนชาตขยับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีเครือข่ายสาขามากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ มีสาขามากกว่า 680 สาขา มีตู้เอทีเอ็มที่พร้อมให้ความสะดวกทางการเงินกับลูกค้ากว่า 2,100 ตู้ทั่วประเทศ พร้อมกับเครือข่ายสาขาของสโกเทียแบงก์ในอีก 50 ประเทศทั่วโลก และยังมีพนักงานกว่า 17,000 คนที่จะช่วยกันให้บริการทางการเงินอย่างใกล้ชิดด้วยมาตรฐานที่มุ่งประโยชน์ให้ลูกค้าประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด
“การรวมกิจการครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการธนาคารพาณิชย์ไทยและเป็นไปตามนโยบายของทางการที่ต้องการให้ธนาคารต่างๆ รวมกิจการกันเป็นธนาคารขนาดใหญ่ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่ระบบสถาบันการเงินและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ วันนี้เรามีความพร้อมทั้งด้านเงินทุน มีช่องทางในการให้บริการลูกค้าทั้งที่เป็นลูกค้าบุคคล(Retail) และลูกค้าสถาบัน (Corporate) ได้มากขึ้น ในธุรกิจที่หลากหลายยิ่งขึ้น ทำให้ธนาคารมีเสถียรภาพในการบริหารจัดการรายได้ ส่งผลให้มีความมั่นคงและพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยิ่ง โดยตั้งเป้าหมายจะเป็นธนาคารชั้นนำระดับ Top Five ของประเทศ และในอีก 2-3 ปีมูลค่าสินทรัพย์จะทะลุเป็น 1 ล้านล้านบาท ” นายสมเจตน์ กล่าว
นายแบรนดอน คิง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สโกเทียแบงก์ ธนาคารที่มีการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศมากที่สุดในบรรดาธนาคารในประเทศแคนาดา และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจถือหุ้นในธนาคารธนชาต 49% พร้อมที่จะสนับสนุนการเติบโตของธนชาตในทุกๆ ด้าน โดยจะนำมาตรฐานการดำเนินงานระดับโลกของสโกเทียแบงก์ มาผสมผสานกับความเชี่ยวชาญทางการเงินในประเทศของธนชาต ซึ่งจะทำให้ธนาคารธนชาต สามารถให้บริการทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ากว่า 4 ล้านรายได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการในประเทศและบริการทางการเงินระหว่างประเทศผ่านเครือข่ายของสโกเทียแบงก์ทั่วโลก
นายสมเจตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรวมกิจการของธนชาตและนครหลวงไทยนี้ ลูกค้าจะได้รับประโยชน์สูงสุด จากการผนึกความเชี่ยวชาญของสถาบันการเงิน 3 แห่ง คือธนชาตซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านลูกค้ารายย่อย ธนาคารนครหลวงไทย เชี่ยวชาญด้านลูกค้าภาคธุรกิจ และสโกเทียแบงก์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศและระบบงานที่เป็นมาตรฐานสากล สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทุกๆกลุ่ม และเชื่อว่าด้วยศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการลงทุนจากต่างประเทศ การใช้จ่ายของประชาชนมีความคล่องตัวจากนโยบายของรัฐบาล ผลิตภัณฑ์และบริการของธนชาตก็จะเติบโตตามอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ที่เรามีนโยบายที่จะรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ให้ได้อย่างต่อเนื่องเพราะเป็นธุรกิจที่ถนัด ส่วนผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ เช่น สินเชื่อธุรกิจ บัตรเครดิต สินเชื่อเคหะ ตั้งเป้าเติบโตในอัตราที่สูงกว่าอุตสาหกรรม
“วันนี้เรามีผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งผลิตภัณฑ์ การออมและลงทุน เช่น เงินฝาก ตั๋วแลกเงิน กองทุนรวม สินเชื่อส่วนบุคคล เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อเคหะ สินเชื่อธุรกิจ ทั้ง Corporate และ SME ผลิตภัณฑ์ประเภทการคุ้มครอง ทั้งประกันชีวิตและประกันภัย ตลอดจนความสะดวก จาก ระบบ Internet Banking ,บริการ One Number Contact Center 1770 บริการชำระค่าสาธารณูปโภค และด้วยมาตรฐานการบริหารจัดการและการบริการผ่านระบบเทคโนโลยีที่ดีเลิศและทันสมัย รวมถึงความเอาใจใส่ในการให้บริการทางการเงินทุกรูปแบบอย่างใกล้ชิดจากพนักงานของเรา จึงมั่นใจว่าจะสร้างประโยชน์สูงสุดและความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน”