กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--กทม.
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ก.ค.48) นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับนายอดิศร เพียงเกษ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม คณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และคณะผู้บริหารกทม. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ว่า ที่ประชุมได้หารือกันถึงความร่วมมือหลายเรื่อง โดยเรื่องแรกคือโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ซึ่งกรุงเทพมหานครกำลังดำเนินการ ในสองเส้นทาง โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินการแล้ว เพียงแต่การขออนุญาตโดยตรงต้องมีการเสนอเพื่อแก้ไขมติครม. ที่มีไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2526 กรุงเทพมหานครก็จะได้ดำเนินการผ่านกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำเข้าหารือในคณะรัฐมนตรีต่อไป
เรื่องที่หารือกันเรื่องที่ 2 คือโครงการรถโรงเรียน โดยได้หารือกันถึงประเด็นความปลอดภัยของรถโรงเรียน รวมถึงการกำหนดมาตรฐานของรถ ก็จะได้ประสานกับกรมการขนส่งทางบก โดยเฉพาะการพิจารณาสีของรถโรงเรียน
เรื่องที่ 3 คือโครงการตั๋วร่วมที่จะร่วมมือกันทั้งทางกระทรวงคมนาคม สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร (สนข.) และกทม. ให้เป็นการเชื่อมต่อการเดินทางได้โดยไม่ต้องซื้อตั๋วหลายครั้ง ทั้งรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครหรือรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้า รฟม. และในอนาคตก็จะมีการเชื่อมโยงกับรถบีอาร์ที รถโดยสารประจำทาง ขสมก. ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงโครงสร้างราคา ค่าโดยสารให้เป็นในทิศทางเดียวกัน ระบบตั๋วชนิดเดียวกัน และให้สามารถใช้ร่วมประโยชน์กับระบบการใช้จ่ายอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น การจ่ายค่าทางด่วน ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งภายใน 6 เดือนนี้จะเห็นเป็นรูปธรรมและสามารถใช้ได้บางส่วน
เรื่องสุดท้ายที่มีการหารือในการประชุมคือการกวดขันและจับกุมรถควันดำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่เกิดจากรถร่วมบริการหรือรถยนต์ชนิดอื่น ก็จะดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งข่าว ในลักษณะ “อาสาสมัครขนส่งปลอดภัยชุมชน” ให้เป็นหูเป็นตาในการตรวจจับรถที่ควันดำหรือผิดกฎหมายและการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในกรุงเทพมหานคร รวมถึงจะมีมาตรการ ไม่ต่อทะเบียนประจำปีรถควันดำซึ่งจะมีการพิจารณากันอีกครั้ง
ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะให้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในการจัดการโครงการต่าง ๆ ที่กรุงเทพมหานครดำเนินการ ทั้งการจราจร และความปลอดภัย นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้หารือถึงการเก็บภาษีประจำปีรถยนต์ ในกรุงเทพมหานคร ที่ทางกรมการขนส่งทางบกได้นำส่งให้กรุงเทพมหานคร ประมาณปีละ 5,000 ล้านบาท กรมการขนส่งทางบกจะขอให้กรุงเทพมหานครคืนให้ 3% เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้ดีขึ้น ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็ได้รับเรื่องไว้ นอกจากนั้นในการประชุมครั้งหน้าจะมีการหารือกันถึงการขนส่งทางน้ำ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครเองก็ได้ดำเนินการมาอยู่แล้ว รวมถึงหามาตรการควบคุมจัดระเบียบรถแท็กซี่ รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยจะมีการร่วมมือกันในการดำเนินการแบบบูรณาการระหว่างกทม.กับกระทรวงคมนาคมต่อไป--จบ--