นายสุรศักดิ์-สุรชัย นิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท เอนเนอร์จี รีฟอร์ม จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดติดตั้งอุปกรณ์ LPG และ NGV สำหรับรถยนต์ยังมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้โดยดูได้จากยอดรถยนต์จดทะเบียนที่กรมขนส่งทางบกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 8,000-12,000 คัน ต่อเดือน โดยเฉพาะในเดือนมิย.-สค. ที่ผ่านมาปีนี้เฉลี่ยมียอดการติดตั้งค่อนข้างสูงโดยอยู่ที่ประมาณ 15,000 คัน ดังนั้น เอนเนอร์จี รีฟอร์มจึงได้ส่งนวัตกรรมความปลอดภัยล่าสุด “Fast-TECH II” ซึ่งบริษัทฯได้มีการพัฒนาร่วมกับผู้ผลิตที่ประเทศอิตาลีโดยมีจุดเด่นคือเป็นกล่อง ECU มีความฉลาดมากขึ้น ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นโปรแกรมจูนแบบ Kmap ซึ่งจะจูนได้ละเอียดกว่าโปรแกรมจูนแบบธรรมดา เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ระบบแก็ส และการตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น มีการประมวลผลรวดเร็วขึ้น และมีฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่ช่วยให้ช่างเทคนิคสามารถวิเคราะห์แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด และรวดเร็ว ช่วยแก้ปัญหาเรื่องของระบบการจูนรอบเดินเบา เครื่องสั่น การจูนคุม การเร่งไม่ออก เครื่องยนต์อืด เครื่องสะดุด เพราะว่ากล่อง ECU ตัวนี้ได้ถูกพัฒนาให้ทำงานควบคู่กับรางหัวฉีด และหม้อต้มเป็นอย่างดี นอกจากนี้แพ็คเกจของชุดหัวฉีดแก็ส ENERGY REFORM ทุกรุ่น ก็จะมีการรับประกันอัคคีภัย และเครื่องยนต์พังสูงถึง 1,300,000 บาท รวมถึงประกันความพอใจสินค้าด้วย หากไม่พอใจบริษัทฯ ก็ยินดีคืนเงินให้กับลูกค้าอีกด้วย
สำหรับมาตรฐานความปลอดภัยในระบบแก๊สระบบหัวฉีดของเอนเนอร์จี รีฟอร์มจะเน้นคุณภาพ มาตรฐานเรื่องของความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยความปลอดภัยของเอนเนอร์จี รีฟอร์มทั้งหมดรวมเรียกว่าระบบ ISS หรือIntelligent Safety System ซึ่งจะเป็นการรวมฟังก์ชั่นการทำงานของระบบความปลอดภัย อาทิ เช่น ระบบวิเคราะห์ปัญหากรณีที่อุปกรณ์บกพร่อง ปัญหาเหล่านี้จะถูกรายงานไปยังกล่อง ECU ทางช่างเทคนิคสามารถรู้ปัญหาต่างๆ โดยการเสียบโปรแกรมกล่อง ECU เข้ากับคอมพิวเตอร์ และช่างสามารถทำการแก้ไขหรือปรับจูนให้ตรงจุด รวมไปถึงระบบความปลอดภัยในเรื่องของการตัดแก๊สทันทีที่ท่อแก๊สหลุดหรือฉีกขาด
บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายยอดขาย “Fast-TECH II” ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงแต่ราคาย่อมเยาว์ โดยหวังว่าจะเป็นสินค้าที่สร้างยอดขายให้กับบริษัทฯ เป็นอับดับหนึ่งคาดว่าจะทำยอดขายได้เดือนละ 60% ของยอดขายรวม โดยมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายคือ ชาย หญิง จบปริญญาตรีเป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจเทคโนโลยียอมรับในสิ่งใหม่ๆ ได้ง่าย และเพิ่งเริ่มทำงาน มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 10,000 — 80,000 บาท ต่อเดือนหรือกลุ่มอาชีพที่ใช้รถมากๆ แต่ต้องการลดค่าใช้จ่ายต่อเดือนลง เช่น เซลล์ เป็นต้น
สำหรับแนวโน้มเรื่องการใช้พลังงานทดแทนด้วยแก๊ส LPG และNGV รวมถึงเอทานอลมีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากรัฐบาลมีการปรับราคา LPG และ NGV ขึ้นก็ยังมีส่วนต่างกับราคาน้ำมันอยู่มากคือ ราคา LPG จะอยู่ที่ประมาณ 15-16 บาทต่อลิตร ในขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินจะอยู่ที่ 35-37 บาทต่อลิตร ซึ่งผู้ใช้แก๊สก็มั่นใจว่าประหยัดกว่าใช้น้ำมันถึงกว่า 50% และในปัจจุบันเทคโนโลยีและมาตรฐานของระบบแก๊สได้มีการพัฒนามากขึ้นและการติดตั้งแก๊สก็มีมาตรฐานดีขึ้นจนทำให้การติดตั้งแก๊สเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ที่ยังอยู่ในประกันจากศูนย์รวมทั้งรถใหม่ป้ายแดงก็หันมาติดตั้งแก๊สกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้จัดเตรียมงบสำหรับการตลาดไว้ 8-10% ของยอดขาย โดยแบ่งเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ (Above the line) 80% และกิจกรรม ณ จุดขาย (Below the line) 20% อีกทั้งจัดกิจกรรมเปิดตัวตามภาคต่างๆ ให้ตัวแทนจำหน่ายได้ลองใช้เทคโนโลยีตัวใหม่ พร้อมทั้งมีแผนการฝึกอบรมให้ความรู้เรื่องของผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะตามโครงการฝึกอบรมทุกวันอาทิตย์ตลอดจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะนี้ บริษัทฯ มีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายของเอนเนอร์จี รีฟอร์มกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ สำหรับการขยายช่องทางการตลาดในอนาคตทางบริษัทฯ จะขยายอย่างระมัดระวัง โดยเน้นคุณภาพเลือกศูนย์บริการติดตั้งที่ผู้ประกอบการมีมาตรฐาน มีความจริงใจในการทำธุรกิจ และการให้บริการกับลูกค้า เน้นให้ความสำคัญกับความปลอดภัยกับเจ้าของรถยนต์เป็นอย่างดี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ บริษัทกนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์ จำกัด โทร 0-2284-2662