สำหรับระดับน้ำที่สูงขึ้นในเขตประสบอุทกภัย ทำให้ถนนและเส้นทางรถไฟบางสายไม่สามารถสัญจรได้นั้น ไม่มีปัญหาต่อการลำเลียงน้ำมัน LPG และ NGV ไปยังภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้วางแผนเตรียมการลำเลียงเชื้อเพลิงผ่านเส้นทางอื่นไว้แล้ว
ส่วนการสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในการขนส่งในจุดประสบภัยสำคัญนั้น ยังได้รับรายงานว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้จัดส่งน้ำมัน 2,000 ลิตร ให้แก่รถแบคโฮลที่กำลังพยายามปิดคันกั้นน้ำที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทคเพื่อไม่ให้ไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่นอกเขต ทั้งนี้โฆษกกระทรวงพลังงานย้ำว่า ในด้านการช่วยเหลือน้ำมันเชื้อเพลิงและสิ่งของจำเป็น กระทรวงพลังงานจะจัดส่งให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนผ่านศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ของรัฐบาล เพราะมีช่องทางในการลำเลียงที่ดีกว่าและเพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อน
นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังได้รับรายงานจากนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ว่า ปตท.จะเปิดศูนย์ประสานงานในพื้นที่ประสบภัย ช่วยเหลือฉุกเฉินในเขตจังหวัดที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ จำนวน 8 ศูนย์ ดังนี้ เขตภูมิภาคที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ณ ศาลากลางจังหวัด จ.อ่างทอง ณ ที่ว่าการอำเภอไชโย จ. สระบุรี ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. เสาไห้ จ.นครสวรรค์ ณ สนามกีฬากลางประจำจังหวัด จ.พิษณุโลก ณ ศาลากลางจังหวัด เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ ถนนรังสิต-นครนายก อยุธยา กม. 55 และสถานีบริการน้ำมันนาคสวัสดิ์ จ.สมุทรปราการ โดยแต่ละศูนย์ในส่วนภูมิภาค จะมีอาหารกล่อง 15,000 กล่อง/วัน(ยกเว้นกรุงเทพฯ)น้ำดื่ม 20,000 ขวด/วัน ถุงยังชีพ 1,000 ถุง ชุดฉุกเฉิน สำหรับประชานผู้เดือดร้อน นอกจากนี้ยังเตรียมเครื่องกรองน้ำ ถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ซึ่งจะพยายามเติมน้ำให้เต็มตลอดเวลา สุขาเคลื่อนที่ 10 ห้อง และสุขาขนาดเล็กไว้บริการประชาชน สำหรับในเขตกรุงเทพมหานครจะแจกถุงทราย 6,000 ถุง และ ถุงเปล่าไม่มีทราย 20,000 ถุง
ในส่วนของร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมันและเชื้อเพลิงของ ปตท. ในพื้นที่น้ำท่วม จะให้บริการประชาชนตั้งแต่ เวลา 06.00 — 18.00 น.